สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (24 พ.ย.) ขานรับความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนว่ารัสเซียจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนเพื่อยุติสงครามหรือไม่
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.34% ปิดที่ 58.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งรวมถึงคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด, จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 42.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานระบุว่า สหรัฐฯ และยูเครนพยายามที่จะลดช่องว่างในการผลักดันแผนสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ยูเครนและพันธมิตรชาติยุโรปมองว่าเป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย โดยล่าสุดสหรัฐฯ ยอมให้มีการแก้ไขข้อเสนอดังกล่าว หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้
ทั้งนี้ การเจรจาที่กรุงเจนีวาครอบคลุมแผนสันติภาพ 28 ข้อที่สหรัฐฯ เสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสร้างความกังวลต่อยูเครนและยุโรป เนื่องจากเอื้อประโยชน์ต่อรัสเซียอย่างมาก โดยข้อเสนอดังกล่าวกดดันให้ยูเครนยินยอมมอบดินแดนบางส่วนให้รัสเซีย และลดขนาดกองทัพ รวมทั้งระบุว่ายูเครนจะต้องไม่เป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)