สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (8 ธ.ค.) หลังจากจากมีรายงานว่า อิรักได้กลับมาดำเนินการผลิตที่แหล่งน้ำมัน "West Qurna 2" ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ของโลก ขณะที่นักลงทุนประเมินข่าวการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 58.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 62.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่า อิรักได้กลับมาดำเนินการผลิตที่แหล่งน้ำมัน "West Qurna 2" ของบริษัทลุคออยล์ (Lukoil) อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการรั่วไหลของท่อส่งออกและทำให้ผลผลิตจากแหล่งน้ำมันดังกล่าวลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยแหล่งน้ำมันแห่งนี้มีสัดส่วนราว 0.5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก และผลิตน้ำมันได้ในปริมาณ 460,000 บาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยรายงานระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้พบปะกับบรรดาผู้นำยุโรปที่กรุงลอนดอนในวันจันทร์ ด้านนักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า หากการเจรจายุติสงครามยูเครนประสบความสำเร็จ ก็อาจทำให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน
อย่างไรก็ดี รายงานระบุว่า ความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพยูเครนยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยข้อพิพาทเรื่องการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครนและประเด็นสถานะของดินแดนที่รัสเซียยึดครองได้นั้น ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเรียกร้องให้มีการทำข้อตกลงก็ตาม
นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธที่ 10 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐฯ โดยนักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและรอดูแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยคาดว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมที่กรรมการเฟดมีความที่ขัดแย้งกันมากที่สุดในรอบหลายปี