สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2.7% ในวันอังคาร (16 ธ.ค.) ขณะที่สัญญาน้ำมันเบรนท์ร่วงหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีการทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะทำให้รัสเซียได้รับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรและสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.73% ปิดที่ 55.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.71% ปิดที่ 58.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันเบรนท์อยู่ในภาวะ Contango เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีนี้ โดย Contango หมายถึงภาวะที่ราคาน้ำมันในตลาดส่งมอบล่วงหน้าพุ่งสูงกว่าราคาในตลาดสปอต ซึ่งบ่งชี้ถึงปริมาณน้ำมันจำนวนมากในตลาด
บรรยากาศการซื้อขายในตคลาดน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี และปูทางให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังใกล้เป็นจริงมากกว่าที่เคยเป็นมา หลังจากมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่กรุงเบอร์ลิน
ทั้งนี้ ผู้นำยุโรปได้ตกลงที่จะมีส่วนร่วมในหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับยูเครน หลังจากที่ปธน.เซเลนสกีส่งสัญญาณว่า ยูเครนพร้อมที่จะละทิ้งความหวังในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เพื่อแลกกับหลักประกันด้านความมั่นคงจากชาติตะวันตก
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้น้ำมันในปริมาณมาก โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีนเพิ่มขึ้น 4.8% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 4.9% ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นเพียง 1.3% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้น 2.9% ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2563