สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (30 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนประเมินการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 57.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 61.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปิดตลาดอ่อนแรงลงในวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งความตึงเครียดล่าสุดที่เกิดขึ้นในเยเมน อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ รัสเซียประกาศเพิ่มความแข็งกร้าวในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน หลังกล่าวหาว่ายูเครนได้ส่งโดรนโจมตีบ้านพักของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งสัญญาณว่า การเจรจาสันติภาพซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นคนกลางนั้น อาจเผชิญภาวะชะงักงัน
ส่วนสถานการณ์ในเยเมนนั้น กองกำลังพันธมิตรซึ่งนำซาอุดีอาระเบียได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมน ซึ่งหากสถานการณ์ลุกลามบานปลายในภูมิภาค ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 405,000 บาร์เรล สู่ระดับ 424.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ธ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าสต๊อกจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.86 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 228.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต๊อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 202,000 บาร์เรล แตะที่ระดับ 118.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 440,000 บาร์เรล