สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX บวก 55 เซนต์ แตะที่ 100.25 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเวลา 19.47 น.ตามเวลาไทย
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการลงประชามติเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลก็ออกมาตรงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยผู้มีสิทธิออกเสียงกว่า 96% ได้สนับสนุนให้ไครเมียกลับเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง หลังจากนั้นรัสเซียและไครเมียได้ลงนามในสัญญาผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ความตึงเครียดยังไม่ยุติลง เนื่องจากหลายฝ่ายไม่ยอมรับการลงประชามติดังกล่าว โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ และประเทศพันธมิตรในยุโรปได้ออกมาเตือนว่า การดำเนินการเพื่อดึงไครเมียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียนั้น จะนำไปสู่การใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม รวมทั้งการใช้มาตรการแบ่งแยกทางการทูต ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นอาจจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย
ทั้งนี้ นักลงทุนให้ความสนใจต่อสถานการณ์ในยูเครนและรัสเซียเป็นอย่างมาก เนื่องจากกว่า 70% ของน้ำมันดิบและก๊าซของรัสเซียต้องส่งออกไปยังยุโรปผ่านเส้นทางของยูเครน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะทราบผลการประชุมในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 มี.ค. ตามเวลาไทย