สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 100.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 106.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาช้อนซื้อสัญญาน้ำมันดิบ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ลิเบียจะยังไม่สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้ในเร็วๆนี้ ขณะที่กลุ่มกบฏและรัฐบาลลิเบียกำลังเจรจาเพื่อทำข้อตกลงยุติการปิดท่าเรือลำเลียงน้ำมันดิบ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลลิเบียประกาศว่า รัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มกบฏได้ภายในเวลาไม่กี่วัน เพื่อให้ท่าเรือของลิเบียทั้ง 3 แห่งที่ถูกปิดมานานกว่า 8 เดือน สามารถส่งออกน้ำมันดิบกว่า 600,000 บาร์เรลต่อวันได้อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคบริการสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.5 แต่ก็ยังสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ระดับ 51.6
ขณะที่มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับ 55.3 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ที่ระดับ 53.3
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบที่มีการจ้างงานเพิ่ม 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 6.6% ในเดือนมี.ค. จาก 6.7% ในเดือนก่อนหน้า