สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 103.6 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 107.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลว่าการลำเลียงน้ำมันในเส้นทางผ่านยูเครนอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนรัสเซียได้เข้ายึดอาคารที่ทำการหลายแห่งของรัฐบาลในเมืองโดเนตสค์ทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย รวมถึงเรียกร้องให้มีการทำประชามติเพื่อแยกตัวจากยูเครน
ทั้งนี้ สถานการณ์ความไม่แน่นอนในยูเครนถือเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากรัสเซียส่งออกน้ำมันกว่า 70% ของน้ำมันดิบและก๊าซไปยังยุโรป โดยผ่านเส้นทางในยูเครน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 4 เม.ย. พุ่งขึ้น 4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 384.1 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 210.4 ล้านลาร์เรล เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีทติ้ง ออยล์ และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 239,000 บาร์เรล แตะที่ 113.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในสัปดาห์ดังกล่าวลดลง 0.2% มาอยู่ที่ 87.5% เมื่อเทียบกับการคดาการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%