สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดที่ 104.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 109.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงต่างประเทศยูเครนเปิดเผยว่า การเจรจาเป็นเวลา 2 วันกับรัสเซียนั้น สามารถบรรลุเป้าหมายในส่วนของแผนการสร้างสันติภาพในยูเครน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสได้ช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.1% เช่นกันในเดือนมี.ค. ซึ่งการปรับเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังอาจช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะหมายความว่าโรงงานต่างๆกำลังผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะที่สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2550 หรือก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งหลังสุด ทั้งนี้ NFIB เปิดเผยว่า ดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็ก ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 95.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่วอลล์สตรีท เจอร์นัลได้สำรวจความคิดเห็น โดยนักเศรษฐศาตร์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยแตะ 95.8 นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันพุธที่ 11 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารัฐมนตรีกลุ่มโอเปคจะคงเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มไว้ที่ระดับเดิม 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน พร้อมกับจับตาดูว่าซาอุดิอาระเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือไม่