สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 104.4 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 109.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 มิ.ย. ร่วงลง 2.6 ล้านบาร์เรล แตะ 386.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 860,000 บาร์เรล สู่ระดับ 119 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะ 213.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.9% สู่ระดับ 87.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ส่วนการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันดิบไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ และนับเป็นการคงเพดานการผลิตในการประชุมเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน
กลุ่มโอเปคคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจะอยู่ที่ 30.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่ 12 ประเทศสมาชิกผลิตน้ำมันดิบได้ 29.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้แนะนำให้โอเปคผลิตน้ำมันให้มากขึ้นเพื่อรองรับอุปสงค์น้ำมันดิบของกลุ่มโอเปค ซึ่งทาง IEA คาดว่าจะอยู่ที่ 30.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้