สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 106.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 114 ดอลลาร์/บาร์เรล
การอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนั้นทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าที่ถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประมาณการจีดีพีไตรมาส 1/2557 ขั้นสุดท้าย โดยระบุว่าจีดีพีในไตรมาสดังกล่าวหดตัวลง 2.9% ซึ่งมากกว่าในการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าหดตัวลงเพียง 1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติทำให้ผู้บริโภคไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะที่สถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดทำการ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 มิ.ย.พุ่งขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะ 388.09 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 120.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 710,000 บาร์เรล แตะ 215 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 88.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.8%