สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 96.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นขานรับรายงานของ EIA ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย.ร่วงลง 4.3 ล้านบาร์เรล แตะ 358 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 500,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 414,000 บาร์เรล แตะ 210.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 93.4% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.7%
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ในเดือนส.ค.จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 504,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4% ในเดือนดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า กองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรอาหรับได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม IS ในซีเรียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งแรกต่อกลุ่มดังกล่าวนับตั้งแต่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้ออกมาประกาศความพร้อมที่จะโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน โดยล่าสุดสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ย.ร่วงลงแตะ 104.7 จาก 106.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 105.7 สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน