สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 63.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยเมน โดยแหล่งข่าวทางทหารเปิดเผยว่า มือปืนกลุ่มชีอะห์ฮูตีหลายร้อยคน ซึ่งมีหน่วยทหารสมทบกำลังสนับสนุน ได้สู้รบกับกลุ่มชนเผ่าติดอาวุธที่ฝักใฝ่ประธานาธิบดีอับ-รับบู มันซูร์ ฮาดีของเยเมน ในจังหวัดตอนใต้ของประเทศ เป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ด้านนายจามาล เบโนมาร์ ทูตสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำเยเมน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความล้มเหลวในความพยายามของยูเอ็นที่จะยุติความขัดแย้งในเยเมน
ทั้งนี้ นายเบโนมาร์ ซึ่งเป็นนักการทูตสัญชาติโมรอกโก ได้เป็นคนกลางจัดทำแผนปรองดองในปี 2011 เพื่อยุติความวุ่นวายทางการเมืองในเยเมน อย่างไรก็ดี แผนดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มกองกำลังฮูติที่มีอิหร่านหนุนหลัง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากกลุ่มโอเปกระบุในรายงานเมื่อวานนี้ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างมากของปริมาณน้ำมันจากสหรัฐจะสิ้นสุดลงในปีนี้ หลังมีการลดลงอย่างมากของการขุดเจาะน้ำมันในภูมิภาคดังกล่าว
ทั้งนี้ ในรายงานประจำเดือน โอเปกคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นราว 13.65 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสที่ 2 และจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
โอเปกระบุว่า ภาวะราคาน้ำมันทรุดตัวกำลังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตน้ำมันจากสหรัฐ โดยแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐได้ลดลงราว 238 แท่นในช่วง 4 สัปดาห์ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1,110 แท่น