สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และยังช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 46.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.08 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 540 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดังกล่าวสวนทางกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.45 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 543.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียทำให้การผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี และยังส่งผลให้คนงานบริษัทน้ำมันต้องอพยพออกจากพื้นที่
ด้านกระทรวงกลาโหมไนจีเรียได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า กลุ่มก่อการร้ายอาจก่อเหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันและก๊าซบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์อีกระลอก โดยรัฐบาลพร้อมดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
รายงานระบุว่า บริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดีเวลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเชลล์ ได้ประกาศระงับการส่งออกน้ำมัน Bonny Light หลังการปิดท่อส่งน้ำมัน Nembe Creek Trunk line (NCTL) ในไนจีเรีย เพื่อทำการซ่อมแซม
ทั้งนี้ ภาวะชะงักงันดังกล่าวจะทำให้การผลิตน้ำมันของไนจีเรียร่วงลงต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันที่ลดลงในอเมริกาเหนือ, ละติน อเมริกา, เอเชีย และแอฟริกา ต่างก็เป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้