สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 46.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 91 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 49.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 523.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 455,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 36,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 122,000 บาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ไม่มั่นใจต่อการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากการเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันต่างจบลงด้วยความล้มเหลว