สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 61 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 50.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 51.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน หลังจากนายอิกอร์ เซชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรอสเนฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ระบุว่า ทางบริษัทจะไม่ปรับลดกำลังการผลิต หรือตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน แม้กลุ่มประเทศโอเปกทำข้อตกลงดังกล่าว
นายเซชินยังได้แสดงความไม่มั่นใจว่าบางประเทศในกลุ่มโอเปก เช่น อิหร่าน และซาอุดิอาระเบีย จะปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง พร้อมกับกล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลจะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐ กลับมามีกำไรจากการผลิตน้ำมัน
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีมากขึ้น หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปกไม่ได้จัดการประชุมขึ้นนอกรอบการประชุมพลังงานโลก (World Energy Congress) เมื่อวานนี้ที่กรุงอิสตันบูลแต่อย่างใด โดยมีเพียงรัฐมนตรีพลังงานจากประเทศเวเนซุเอลา แอลจีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ กาตาร์ และกาบอง ซึ่งเป็น 5 ชาติจากโอเปก และอีก 2 ชาติจากรัสเซีย และเม็กซิโก เข้าร่วมเท่านั้น โดยที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมด้านเทคนิคที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 28-29 ต.ค. ซึ่งจะมีรัสเซียและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกในเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับสูงถึง 97.2 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรลจากเดือนส.ค. และเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลจากเดือนก.ย.ปีที่แล้ว