สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในสหรัฐ รวมทั้งรายงานที่ว่า อิรักผลิตน้ำมันในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 50.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 53.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2559
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่ง แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
นักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมันนั้น จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต
ด้านนักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 850-875 แท่นในปลายปีนี้ ขณะที่การสำรวจและการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 27% หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า อิรักผลิตน้ำมันที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32.51 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ตาม นายจาบาร์ อาลี อัล-ลูอิบี รัฐมนตรีพลังงานอิรักกล่าวว่า การผลิตและการส่งออกที่สูงขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของอิรักที่จะดำเนินการปรับลดการผลิต ตามที่ได้ตกลงไว้ในที่ประชุมโอเปก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลไทย