สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่ซาอุดิอาระเบียยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิต
ณ เวลา 22.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.30% สู่ระดับ 53.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของน้ำมัน โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดิ่งลงแตะระดับ 112 เยนในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยนักลงทุนหันเข้าซื้อเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวแถลงการณ์ในวันนี้ โดยระบุรายละเอียดสำหรับแผนการของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ณ เวลา 20.27 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.67% สู่ระดับ 113.41 เยน หลังดิ่งลงสู่กรอบ 112 เยนในช่วงแรก หลังการแถลงของนางเมย์
ทั้งนี้ นางเมย์กล่าวว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากตลาดร่วมยุโรป ขณะที่จะหาทางทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU)
อย่างไรก็ดี ช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันได้ถูกจำกัดจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ และความไม่มั่นใจของนักลงทุนที่ว่าสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ทุกประเทศจะปฏิบัติตามข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิต
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ทางธนาคารคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 235,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ เมื่อมีการพิจารณารวมถึงบ่อน้ำมันที่มีการขุดเจาะแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเริ่มให้ผลผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 8.95 ล้านบาร์เรล/วันในขณะนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 8.5 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และอยู่ที่ระดับเดียวกันของปี 2014 ซึ่งขณะนั้นได้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด และส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวน