สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันซึ่งรวมถึงโอเปกและรัสเซีย พร้อมใจกันปรับลดกำลังการผลิตในเดือนม.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 53.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 56.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง 46,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.915 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนตลาดน้ำมัน และสามารถบดบังปัจจัยลบจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 903,000
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันได้ปรับลดกำลังการผลิตในเดือนม.ค. โดยรัสเซียได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 100,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค.
ขณะที่ผลการสำรวจพบว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกได้ลดลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว และบ่งชี้ว่าสมาชิกโอเปกได้ให้ความร่วมมือถึง 82% ในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้