สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ หลังจากเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่หน่วยงานเอกชนและรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 48.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 51.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนลบติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ โดยปัจจัยล่าสุดมาจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 8 แท่น สู่ระดับ 617 แท่น และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
จำนวนแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐเดินหน้าเพิ่มการผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กำลังเดินหน้าลดการผลิตตามข้อตกลง
บริษัทรอสเนฟท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เตือนว่า การฟื้นตัวของการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐ จะส่งผลให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ไม่ต้องการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเกินกว่าเดือนมิ.ย.ในปีนี้ และอาจนำไปสู่การทำสงครามราคาครั้งใหม่
ทางด้านนายโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปกได้กล่าวแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า โอเปกและประเทศนอกกลุ่มจะขยายการปรับลดกำลังการผลิตเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่
นายบาร์คินโดกล่าวว่า การประชุมโอเปกจะมีขึ้นในเดือนพ.ค. และขณะนี้ก็ยังไกลเกินไปที่จะคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะเป็นการรายงานจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) และในวันพุธจะเป็นการรายงานจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)