สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) หลังมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันอาจขยายเวลาลดกำลังการผลิต เพื่อบรรเทาภาวะน้ำมันล้นตลาดและหนุนราคาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 50.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ แต่ปรับตัวลง 5.8% ในไตรมาสแรก
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.83 ดอลลาร์/บาร์เรล และลดลง 6.7% ในไตรมาสแรก
มีรายงานว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงคูเวต ได้ออกมาสนับสนุนให้มีการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน ขณะที่ข้อตกลงลดกำลังการผลิตจะสิ้นสุดลงในกลางปีนี้
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปีที่แล้ว โอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากนั้นในช่วงกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2560 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงในระดับ 94% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีความวิตกว่าสต็อกน้ำมันของสหรัฐที่พุ่งขึ้น จะกระทบต่อความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต
บริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 662 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน ทั้งยังมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีเพียง 362 แท่น