สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) โดยทะยานเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันถูกลงและมีความดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ที่ถือเงินสกุลอื่นๆ นอกจากนั้นยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตต่อไป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2.0% ปิดที่ 50.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 53.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายเอสซาม อัล-มาร์ซูค รมว.น้ำมันคูเวต กล่าวว่า เขาให้การสนับสนุนแนวคิดของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ รมว.น้ำมันคูเวตคาดว่า สมาชิกกลุ่มโอเปกจะให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวเช่นกันในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.
ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้จะมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 18 ติดต่อกัน
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 8 แท่น สู่ระดับ 720 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2558 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 18 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดเป็นอันดับสอง
การขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า