ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ขานรับโอเปกอาจลดการผลิตมากขึ้น,EIA เผยสต็อกน้ำมันลดมากกว่าคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 1, 2017 22:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากดิ่งลงเกือบ 3% เมื่อวานนี้ โดยราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากเกินคาด รวมทั้งจากการที่เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น

ณ เวลา 22.46 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.66% สู่ระดับ 49.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล

สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 747,000 บาร์เรล

ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล

นายโมฮัมเหม็ด บาคินโด เลขาธิการโอเปกเปิดเผยว่า ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันระหว่างโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปกในสัปดาห์ที่แล้วที่มีการขยายเวลาออกไปอีก 9 เดือน โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม ถือเป็นข้อตกลงที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนให้รวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น

"เรากำลังทบทวนปัจจัยพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ เราไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสินใจด้านนโยบายครั้งใหม่" เขากล่าว

นายบาคินโดยอมรับว่าตลาดมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา

เขากล่าวว่า นอกเหนือจากการลดปริมาณสต็อกน้ำมันให้อยู่ใกล้ระดับเฉลี่ยในรอบ 5 ปีแล้ว เป้าหมายหลักสำคัญของข้อตกลงคือการลดความไม่มีเสถียรภาพของราคาในตลาด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติเห็นพ้องสำหรับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2018 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น โดยโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะยังคงผลิตน้ำมันราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป

ส่วนการประชุมโอเปกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาทบทวนกำลังการผลิตน้ำมัน

สำหรับในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปีที่แล้ว กลุ่มประเทศโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้

นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงแก้ปัญหาโลกร้อนในวันนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า เขาจะประกาศการตัดสินใจในวันนี้ เวลา 15.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย ว่าเขาจะนำสหรัฐถอนตัวออกจาก"ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ"หรือไม่ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่าปธน.ทรัมป์มีความมุ่งมั่นที่จะถอนตัวจากความตกลงดังกล่าว ตามที่เขาได้เคยสัญญาไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

นักวิเคราะห์มองว่าการถอนตัวจากความตกลงปารีส จะปูทางให้ปธน.ทรัมป์ยกเลิกกฎระเบียบที่ควบคุมการปล่อยมลพิษ ซึ่งจะทำให้สหรัฐมีการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น

ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธที่จะให้การรับรองความตกลงปารีสในที่ประชุมสุดยอด G7 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ

หากปธน.ทรัมป์ตัดสินใจถอนตัวออกจากความตกลงปารีส ก็จะทำให้สหรัฐอยู่ในกลุ่มเดียวกับซีเรีย และนิการากัว ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมความตกลงดังกล่าว

ทั้งนี้ ประเทศเกือบ 200 ประเทศได้ให้การสนับสนุนความตกลงนี้ที่กรุงปารีสในปี 2015 เพื่อลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐมีพันธกรณีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 26-28% จากระดับของปี 2005 ภายในปี 2025


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ