สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ"
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 50.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 747,000 บาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 394,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 755,000 บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ปกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่สัญญาได้อ่อนแรงลงในเวลาต่อมาและปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาได้ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ"
นักวิเคราะห์มองว่าการถอนตัวจากความตกลงปารีส จะปูทางให้ปธน.ทรัมป์ยกเลิกกฎระเบียบที่ควบคุมการปล่อยมลพิษ ซึ่งจะทำให้สหรัฐมีการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการทำตามคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และส่งผลให้สหรัฐอยู่ในกลุ่มเดียวกับซีเรีย และนิการากัว ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมความตกลงดังกล่าว