สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ฟื้นตัวขึ้นในวันนี้จากแรงซื้อเก็งกำไร ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่มีการเปิดเผยสต็อกน้ำมันสหรัฐที่พุ่งขึ้น และไนจีเรียได้กลับมาส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาด
ณ เวลา 23.10 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ขยับขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.26% สู่ระดับ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
บริษัทรอยัล ดัชท์ เชลล์เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ยกเลิกภาวะสุดวิสัยต่อการส่งออกน้ำมันดิบของไนจีเรีย ส่งผลให้ไนจีเรียสามารถส่งออกน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลง
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 580,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 281,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ยังคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน ส่งผลให้สหรัฐมีการผลิตน้ำมันใกล้เคียงกับซาอุดิอาระเบีย
นักลงทุนจับตานายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ซึ่งได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ ซึ่งหากคำให้การของเขาบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ก็จะส่งผลให้มีการดำเนินการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐของเขา