สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งข่าวที่ว่า รัสเซียได้ปฏิเสธข้อเสนอที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 45.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ดิ่งลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 47.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า รัสเซียได้ปฏิเสธที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม รวมทั้งรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกได้ส่งออกน้ำมันในปริมาณ 25.92 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรลต่อวันจากระดับของเดือนพ.ค. และเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มโอเปกอย่างใกล้ชิด โดยรัฐมนตรีน้ำมันจาก 5 ชาติของโอเปก ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต รวมทั้งซาอุดิอาระเบีย จะประชุมร่วมกันที่รัสเซียในวันที่ 24 ก.ค. โดยที่ประชุมอาจมีการเสนอมาตรการกระตุ้นราคา เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมโอเปกเต็มคณะในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลง 1.6 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. และคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล