สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. อันเนื่องมาจากลิเบียและไนจีเรียได้ปรับเพิ่มการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกเปิดเผยการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. สูงกว่าระดับเพดานที่กำหนดไว้ และสูงกว่าความต้องการใช้น้ำมันในระดับโลก
ทั้งนี้ โอเปกระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวขึ้น 173,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับเฉลี่ย 32.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นเพดานการผลิตที่มีการตกลงกันไว้ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของโอเปกในเดือนก.ค.ยังสูงกว่าระดับ 32.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในระดับโลกในปีนี้
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.42 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.45 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 131,000 บาร์เรล