สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พุ่งขึ้น 79,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.502 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. 2558
ทั้งนี้ ข้อมูลการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐนั้น ได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 8.95 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินทรงตัว ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 702,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 572,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากการที่ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 113,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 5.585 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ขณะเดียวกัน EIA คาดว่า การผลิตน้ำมันในบริเวณเพอร์เมียน บาซิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในรัฐเท็กซัส จะเป็นแหล่งที่มีการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานมากที่สุด โดยคาดว่าการผลิตน้ำมันในแหล่งดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 64,000 บาร์เรล/วัน