สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐได้ปิดหน่วยกลั่นน้ำมันย่อยแห่งหนึ่งของโรงกลั่นน้ำมันที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ นอกจากนี้สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของเบเกอร์ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในของสหรัฐ ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 48.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 52.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับกระแสข่าวที่ว่า เอ็กซอน โมบิล คอร์ปได้ปิดการทำงานของหน่วยกลั่นน้ำมันย่อยแห่งหนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันที่เมืองเบย์ทาวน์ รัฐเท็กซัส อย่างไรก็ตาม ทางเอ็กซอน โมบิล ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
นักวิเคราะห์จากไพร์ซ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป ระบุว่า โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวมีปริมาณการผลิตน้ำมันสูงสุด 584,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งหากมีการปิดหน่วยกลั่นย่อยตามที่เป็นข่าวจริง ก็จะส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปทานน้ำมันที่หดหายไปบางส่วน
นอกจากนี้สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 763 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด
ก่อนหน้านี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 8.95 ล้านบาร์เรล ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ส.ค. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านั้นว่าสต็อกน้ำมันจะลดลงเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล
ด้านนักเศรษฐศาสตร์พลังงานแห่งดับเบิลยูทีอาร์จี ระบุว่า ราคาน้ำมันอาจปรับตัวผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากวันอังคารจะเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสำหรับส่งมอบเดือนก.ย.