สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในแถบอีสต์โคสต์ได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังเจรจากันเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 48.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท โมติวา เอ็นเตอร์ไพรส์ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่
นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์กล่าวว่า การที่โรงกลั่นน้ำมันเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง จะช่วยให้อุปสงค์น้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น และจะทำให้ภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงบรรเทาลงด้วย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังเจรจากันเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต โดยข้อตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังเจรจากันเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตให้ยาวนานกว่าไตรมาสแรกของปีหน้า
ทางด้านนายบิจาน ซานกาเนห์ รมว.น้ำมันอิหร่าน กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งจากโอเปก และนอกกลุ่มโอเปก กำลังให้ความร่วมมือมากขึ้นในการปรับลดกำลังการผลิต พร้อมระบุว่า ผู้ผลิตทั้ง 2 กลุ่มกำลังเจรจาอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตให้เกินกว่าไตรมาสแรกของปีหน้า
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย