สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวในช่วงแคบวันนี้ แต่ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และการที่โรงกลั่นกลับมาเปิดดำเนินการ หลังจากปิดตัวชั่วคราวก่อนหน้านี้ในช่วงที่เผชิญพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์
ณ เวลา 22.18 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 1 เซนต์ สู่ระดับ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเกือบ 5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.
ในวันพุธที่ผ่านมา โรงกลั่นน้ำมัน 13 จาก 20 แห่งมีการผลิตน้ำมันใกล้เคียงกับระดับปกติ ขณะที่อีก 5 แห่งกำลังเริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตน้ำมัน
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในรายงานประจำเดือนก.ย.ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นในปีนี้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ IEA ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 2.4% ในไตรมาส 2 ส่งผลให้ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับทั้งปีนี้ สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 1.7%
ส่วนในปีหน้า IEA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 1.4%
ก่อนหน้านี้ IEA คาดการณ์ในเดือนส.ค.ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
IEA ยังระบุว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกกำลังหดตัวลง จากการขยายตัวของอุปสงค์ในสหรัฐและยุโรปที่สูงกว่าคาด รวมทั้งการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก
ทางด้านนายบ็อบ ดัดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะทรงตัวในช่วง 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลง หลังกลุ่มประเทศโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกทำการปรับลดกำลังการผลิต
"การที่สต็อกน้ำมันจะลดลงมักต้องใช้เวลา แต่เราเห็นว่าปริมาณน้ำมันได้ลดลง จากการที่โอเปกและประเทศนอกโอเปกให้ความร่วมมือในระดับสูงในการปรับลดกำลังการผลิต" เขากล่าว
"เราไม่คาดว่าราคาจะพุ่งขึ้น และไม่คาดว่าราคาจะดิ่งลง ดังนั้นเราจึงคาดว่าราคาจะยังคงปรับตัวอยู่ในช่วง 50-60 ดอลลาร์" เขากล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า