สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) และสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากรัฐบาลตุรกีได้แสดงความไม่พอใจต่อชาวเคิร์ดที่ลงมติแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก
ณ เวลา 18.45 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.07% แตะที่ 52.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล
รายงานสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ออกมาสอดคล้องกับที่ API เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 761,000 บาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นักลงทุนติดตามสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง หลังจากนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ขู่ว่าจะปิดท่อน้ำมันที่ส่งน้ำมันจากอิรักออกสู่ตลาดโลก หากชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก
ด้านสถานกงสุลของตุรกีในกรุงเออร์บิลออกแถลงการณ์ว่า ตุรกีจะระงับเที่ยวบินไปยังเมืองเออร์บิล และสุไลมานิยา ทางตอนหนือของอิรักในวันศุกร์นี้ เพื่อตอบโต้ต่อการที่ชาวเคิร์ดจัดทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยการการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์, ปีกาซัส และแอตลาส โกลบัล
นอกจากนี้มีรายงานว่า สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ จะระงับการให้บริการเที่ยวบินที่เดินทางไปและออกจากสนามบินเออร์บิลและสุไลมานิยา ในระหว่างวันที่ 29 ก.ย. - 1 ต.ค. ตามคำร้องขอของสำนักงานการบินพลเรือนของอิรัก