สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 50.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 56 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ตอนเหนือของอิรัก หลังจากชาวเคิร์ดได้ลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างตุรกีและอิหร่าน จนส่งผลให้รัฐบาลตุรกีตัดสินใจระงับเที่ยวบินไปยังเมืองเออร์บิล และสุไลมานิยา ทางตอนหนือของอิรัก นอกจากนี้ ตุรกียังขู่ว่าจะปิดท่อส่งน้ำมันที่มีการขนส่งน้ำมันจากดินแดนตอนเหนือของอิรักไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 120,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. รวมทั้งรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 750 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
นักลงทุนจับตาสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ บ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะพุ่งขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล