สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) โดยนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทำกำไร แม้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 49.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 55.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทำกำไร ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 756,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล เทียบกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกเหนือจากแรงขายทำกำไรแล้ว ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า บ่อน้ำมันขนาดใหญ่ในลิเบียได้เริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง หลังจากที่ปิดดำเนินงานในช่วงสุดสัปดาห์ อันเนื่องมาจากเหตุก่อการร้าย
นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปก หลังจากกลุ่มประเทศโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในอิรัก หลังจากตุรกีขู่ว่าจะทำการปิดท่อส่งน้ำมันที่มีการขนส่งน้ำมันจากดินแดนตอนเหนือของอิรักไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภายหลังจากที่ชาวเคิร์ดในอิรักเดินหน้าจัดทำประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก