สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 57.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซีย อาจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า แทนที่จะสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า
ทางด้านนายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ได้ช่วยรักษาเสถียรภาพในตลาด
นอกจากนี้ นายอัล-ฟาลีห์ยังแสดงความพอใจต่อการที่สหรัฐส่งออกน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในตลาด โดยเขากล่าวว่า เขาไม่รู้สึกกังวลต่อการที่น้ำมัน shale oil เข้าสู่ตลาดในปีนี้ และปีหน้า เพราะตลาดจะสามารถซึมซับไว้ได้
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงรัสเซีย ได้ทำข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้าเพื่อแก้ไขภาวะน้ำมันล้นตลาด
นักลงทุนจับตาเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ จะรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ ในวันนี้ ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เบเกอร์ ฮิวจ์ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 750 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์