สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) จากปัจจัยความไม่สงบในอิหร่าน หลังจากที่กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลได้ออกมาชุมนุมประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่ 6 โดยนักลงทุนมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของอิหร่านซึ่งเป็นประเทศสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 61.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 67.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน โดยรายงานระบุว่า การชุมนุมประท้วงในอิหร่านได้ย่างเข้าสู่วันที่ 6 ขณะผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 25 ราย และมีผู้ประท้วงกว่า 400 รายถูกจับกุมตัวในระหว่างการชุมนุม
ทั้งนี้ ชาวอิหร่านได้รวมตัวกันชุมนุมในเมืองมัชฮัดตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว เพื่อประท้วงรัฐบาลซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่การชุมนุมได้ขยายวงกว้างไปอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อการทุจริตของเจ้าหน้าที่, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ชาวอิหร่านที่สนับสนุนรัฐบาลจำนวนหลายพันคนได้ออกมาเดินขบวนเมื่อวานนี้เช่นกัน โดยกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลได้ชูธงชาติอิหร่าน และภาพของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน พร้อมกับกล่าวหาว่าสหรัฐ อิสราเอล และอังกฤษ อยู่เบื้องหลังการยุยงให้เกิดความไม่สงบในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายคาร์สเตน ฟริตส์ นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซ แบงก์ เตือนว่า ตลาดน้ำมันจะเผชิญกับการปรับฐาน เนื่องจากปัจจัยหนุนจากความไม่สงบในอิหร่านจะอ่อนแรงลงในที่สุด นอกจากว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน หรือสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย