สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปีนี้ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ายังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 64.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.4 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 425.9 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน EIA ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
ส่วนในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังจากที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม