สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 60.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดย EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ก่อนหน้านี้ EIA ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
ส่วนในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดย EIA จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล