สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) จากการคาดการณ์ที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านจะส่งผลให้ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากที่สหรัฐได้กดดันให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ที่อาจมีต่อตลาดพลังงาน รวมไปถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและลามไปถึงความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 68.99 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันศุกร์ และเพิ่มขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของอิหร่านลดลงต่ำกว่าระดับ 70 ล้านบาร์เรลในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ก่อนถึงวันที่ 4 พ.ย.ซึ่งสหรัฐเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน
การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเริ่มได้รับผลกระทบ จากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านแล้ว ขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเวลาที่สหรัฐจะทำการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่าน โดยสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์เชื่อว่า ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านนั้น จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันต่อไป
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงมีความตั้งใจที่จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ถีงแม้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่ของจีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาการค้าครั้งใหม่ และจีนได้ตอบรับคำเชิญแล้วก็ตาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้เรียกประชุมที่ปรึกษาทางการค้า ซึ่งรวมถึงนายมนูชิน, นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ
รายงานระบุว่า ปธน.ทรัมป์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี เดินหน้าเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์จากจีน แม้อีกด้านหนึ่ง สหรัฐจะยังคงใช้ความพยายามที่จะเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับจีน
ขณะนี้ได้ผ่านพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 6 ก.ย.สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์จากจีน แต่ปธน.ทรัมป์ก็ยังคงไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้
ข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนส่งผลให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย และอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง โดยจีนเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมันเช่นกัน ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (NHC) รายงานว่า พายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์พัดขึ้นฝั่งที่แถบชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลนาและเซาท์แคโรไลนา โดยถึงแม้พายุลูกนี้ได้อ่อนกำลังสู่ระดับ 1 แต่ก็ยังคงอันตราย เพราะจะทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก ลมแรง รวมทั้งก่อให้เกิดสตอร์ม เซิร์จ หรือคลื่นลูกใหญ่บริเวณชายฝั่งของรัฐนอร์ทและเซาท์แคโรไลนา ขณะที่มีการประมาณการว่า พายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์อาจสร้างความเสียหายแก่ที่ดินและทรัพย์สินเป็นมูลค่า 3-5 พันล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า พายุลูกนี้อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมันผ่านท่อส่งน้ำมันหลักในภูมิภาค โดยภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือพึ่งพาการส่งน้ำมันผ่านท่อส่ง Colonial Pipeline และ Plantation Pipeline ซึ่งทอดตัวผ่านรัฐนอร์ทและเซาท์แคโรไลนา
ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านั้นว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 395.9 ล้านบาร์เรล
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 7 แท่น สู่ระดับ 867 แท่นในสัปดาห์นี้