ราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด ล่าสุด WTI ทะลุ 72 ดอลลาร์/เบรนท์ทะลุ 81 ดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 24, 2018 23:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งทะลุ 72 ดอลลาร์ในวันนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นกว่า 3% ทะลุ 81 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557 ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมัน โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากสหรัฐที่ต้องการให้มีการเพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาด

ณ เวลา 22.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.01% สู่ระดับ 72.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 2.43 ดอลลาร์ หรือ 3.08% สู่ระดับ 81.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของโอเปก และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซีย ได้จัดการประชุมที่แอลจีเรียเมื่อวานนี้ โดยเห็นพ้องให้คงกำลังการผลิตที่ระดับปัจจุบัน แม้สหรัฐพยายามเรียกร้องให้โอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ตาม

นายซูเฮล โมฮัมหมัด อัล มัสรูอี ประธานการประชุม JMMC กล่าวว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปัจจุบัน มีเพียงพอต่อการรักษาตลาดน้ำมันโลกให้อยู่ในภาวะสมดุลได้ พร้อมระบุว่า โอเปกสามารถควบคุมและรักษาสมดุลของตลาดน้ำมันโลกในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มหรือลดปริมาณการผลิตจึงไม่มีความจำเป็น

ทางด้านนายฮอสเซน คาเซมปูร์ ตัวแทนของอิหร่านประจำโอเปก กล่าวว่า ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมีสาเหตุมาจากการส่งทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหากปธน.ทรัมป์ยุติการส่งข้อความทางทวิตเตอร์ ก็จะช่วยให้ราคาน้ำมันลดลง

"รัฐบาลทรัมป์กำลังนำเรื่องการเมืองเข้าสู่โอเปก และมีเป้าหมายที่จะสร้างความแตกแยกในโอเปก และแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง โดยการทำให้ราคาน้ำมันลดลง" นายคาเซมปูร์กล่าว

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์โอเปกหลายครั้งว่าได้จงใจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และได้เรียกร้องให้โอเปกทำให้ราคาน้ำมันลดลง

อย่างไรก็ดี โอเปกปฏิเสธข้อกล่าวหาของปธน.ทรัมป์ โดยระบุว่าโอเปกมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสมดุล และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดน้ำมัน

เจพีมอร์แกนออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งใกล้ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จากการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่าน

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI จะแตะระดับเฉลี่ย 85 ดอลลาร์ และ 76 ดอลลาร์ตามลำดับในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

ส่วนนายเฟอเรดุน เฟชาราคิ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทแฟคส์ โกลบัล เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่าน จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557

"ถ้าหากไม่มีมาตรการคว่ำบาตร ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 70 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า แต่แนวโน้มการคว่ำบาตรจะเกิดขึ้นจริง และจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน สิ่งนี้จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดพุ่งขึ้น โดยรัฐบาลทรัมป์สมควรถูกตำหนิจากการทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น" นายเฟชาราคิกล่าว

ข้อมูลระบุว่า การส่งออกน้ำมันของโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกได้ปรับตัวลงในเดือนส.ค. อันเนื่องจากการลดลงของการส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน

การส่งออกน้ำมันของอิหร่านได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเวลาที่สหรัฐจะทำการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่าน โดยสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ