ราคาน้ำมัน WTI ร่วงเกือบ 1% ท่ามกลางสัญญาณอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นในตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 30, 2018 22:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตลาด

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน

ณ เวลา 22.40 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 0.64 ดอลลาร์ หรือ 0.95% สู่ระดับ 66.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 11 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.

ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากรัสเซีย สหรัฐ และซาอุดีอาระเบียแตะระดับ 33 ล้านบาร์เรล/วันเป็นครั้งแรกในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นทศวรรษนี้ และบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวสามารถรองรับอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกได้ถึง 1 ใน 3

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ระดับสูงกำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และส่งสัญญาณลบต่อผู้ผลิต

ทั้งนี้ ประเทศในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย ต่างก็ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นราว 15% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ค่าเงินในประเทศที่ดิ่งลงเทียบดอลลาร์ เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ทำให้หลายประเทศประสบปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

อย่างไรก็ดี นายไบรอลคาดการณ์ว่าอุปสงค๋น้ำมันจะยังคงขยายตัวต่อไป แม้ว่ามีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากยังคงมีการใช้พลาสติก ขณะที่อุตสาหกรรมการบินมีการขยายตัว ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนด้านการกลั่นน้ำมันเพื่อผลิตปิโตรเคมี และน้ำมันอากาศยาน

นอกจากนี้ นายไบรอลระบุว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการซื้อขาย LNG ในระดับโลกจะมากกว่า 5 แสนล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่กาตาร์ ออสเตรเลีย และสหรัฐ จะเป็นประเทศผู้ส่งออก LNG ราว 60% ของทั้งโลกภายในปี 2566

กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนกำลังทำการติดต่อสหรัฐเพื่อจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G20 ในเดือนหน้า

หากการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเกิดขึ้นจริง ก็จะถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมที่กรุงปักกิ่งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีน แต่เขาก็เตือนว่าสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีอีกหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อสินค้าจีน หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับจีน

ขณะนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงิน 1.10 แสนล้านดอลลาร์

"และผมก็เตรียมเก็บภาษีสินค้าจีนในวงเงินอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ถ้าเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ