สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์โจมตีท่อส่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย และการที่อิหร่านประกาศเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดเพื่อรับมือกับการคุกคามจากกองทัพต่างชาติ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 62.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 72.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีท่อส่งน้ำมันที่เมืองยานบู ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตะวันตกของซาอุดีอาระเบีย
เจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน รมช.กลาโหมซาอุดีอาระเบีย กล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้บงการการโจมตีท่อส่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่ากลุ่มติดอาวุธเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือที่ระบอบอิหร่านใช้ในการแผ่อิทธิพล และการก่อการร้ายซึ่งสั่งการโดยอิหร่านและดำเนินการโดยกลุ่มฮูตีในครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาผ่านแนวทางทางการเมือง
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏฮูตี ซึ่งได้ต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรของซาอุดีอาระเบียในเยเมนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีท่อส่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย
ทางด้านกองกำลังทหารของสหรัฐได้เพิ่มการเฝ้าระวังทั้งในอิรักและซีเรีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน หลังจากทางกองทัพสหรัฐได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐและชาติพันธมิตร
ขณะที่อิหร่านประกาศเตรียมความพร้อมในระดับสูงสุดเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกองทัพของชาติต่างๆที่พุ่งเป้าโจมตีอิหร่าน พร้อมระบุว่าการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านนั้น ไม่สามารถขัดขวางอิหร่านจากการเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารได้
ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ตัดสินใจยกเลิกการผ่อนผันสำหรับ 8 ประเทศในการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน