สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% ทะลุ 58 ดอลลาร์ในวันนี้ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมพรุ่งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก
ณ เวลา 23.09 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 2.28 ดอลลาร์ หรือ 4.06% สู่ระดับ 58.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 460,000 บาร์เรล
นายเทเมอร์ กาดบาน รมว.น้ำมันอิรัก กล่าวว่า สมาชิกหลายชาติของกลุ่มโอเปกต้องการให้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมพรุ่งนี้
นายกาดบานกล่าว ก่อนที่โอเปกและพันธมิตรจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในสัปดาห์นี้ โดยรัฐมนตรีพลังงานของโอเปกจะประชุมกันในวันที่ 5 ธ.ค. ก่อนที่ตัวแทนจากกลุ่มประเทศพันธมิตรจะเข้าร่วมการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค.
ทางด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.น้ำมันรัสเซีย กล่าวว่า เขาคาดหวังว่า การประชุมโอเปกและพันธมิตรในสัปดาห์นี้ จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
อย่างไรก็ดี นายโนวัคกล่าวว่า รัสเซียยังคงไม่ได้กำหนดจุดยืนของตนเองแต่อย่างใด
ทางด้านนายวากิต อเล็กเปรอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทลุคออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัสเซีย กล่าวว่า การเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงฤดูหนาวจะไม่เกิดประโยชน์สำหรับรัสเซีย
แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกและพันธมิตร ซึ่งรวมถึงรัสเซีย จะตัดสินใจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2563 และลดการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 400,000 บาร์เรล/วัน ในการประชุมสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรอาจตัดสินใจขยายเวลาการปรับลดกำลังผลิตน้ำมันออกไปอย่างน้อยจนถึงกลางปีหน้า
ก่อนหน้านี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนกำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายประสบความตึงเครียดเกี่ยวกับกรณีของฮ่องกงและซินเจียง
แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าสินค้าในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
เจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม กล่าวว่า การแสดงความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวานนี้ ไม่ควรถูกนำมาตีความว่าการเจรจาการค้าได้สะดุดลง เนื่องจากปธน.ทรัมป์กล่าวโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณวานนี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งกล่าวว่า การที่สภาคองเกรสสหรัฐออกกฎหมายคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและซินเจียง จะไม่มีผลกระทบต่อการเจรจาการค้า
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐมีความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนก่อนที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.
ขณะนี้ สหรัฐและจีนยังคงหารือกันในประเด็นการหาแนวทางรับประกันว่าจีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐตามที่ตกลงกันไว้ และรายละเอียดของอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่จะมีการยกเลิก
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปอย่างดีมาก
"การหารือกำลังดำเนินไปอย่างดีมาก และเราจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมสุดยอดขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ใกล้กรุงลอนดอน
คำกล่าวของปธน.ทรัมป์สวนทางกับที่เขาส่งสัญญาณวานนี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า