ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดลบ 36 เซนต์ วิตกโควิด-ล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์

ข่าวต่างประเทศ Friday November 6, 2020 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 38.79 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 40.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 48,570,769 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,233,025 ราย

รายงานดังกล่าวระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 9,802,374 ราย และมีผู้เสียชีวิต 239,842 ราย โดยขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ต่างประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังพบว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วยุโรปพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2564

ทั้งนี้ โอเปกพลัสตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิต 5.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Economist Intelligence Unit (EIU) คาดการณ์ว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันออกไป เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19

นักลงทุนยังคงรอดูผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของสหรัฐ โดยขณะนี้ นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 เสียง นำหน้าปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้คะแนน 214 เสียง โดยนายไบเดนต้องการอีกเพียง 6 เสียงเท่านั้นก็จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง เพื่อชนะการเลือกตั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ