สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (25 มี.ค) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่หลายประเทศในยุโรปและเอเชียกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 2.62 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 58.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ดิ่งลง 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 61.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันจะเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากหลายประเทศในยุโรปและเอเชียกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เนเธอร์แลนด์ประกาศขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 20 เม.ย. หลังจากที่ยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ขณะที่อินเดียประกาศล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ หลังเผชิญกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ อันเป็นผลมาจากการที่ประชาชนหละหลวมในการปฎิบัติตามมาตรการป้องกัน รวมทั้งการที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดมากขึ้น
รายงานระบุว่า หลายประเทศในยุโรปมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงเยอรมนีและอิตาลี ส่วนยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 125,575,027 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,759,197 ราย ตามการรายงานของ Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ 92.7889 เมื่อคืนนี้