สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (20 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และข่าวสหรัฐวางแผนซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน รวมทั้งสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐที่อาจส่งผลให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนเดินทางน้อยลงในช่วงเทศกาลวันหยุด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 76.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 79.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.69% แตะที่ 104.0110 เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาด เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐจะซื้อน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลเพื่อนำเข้าสู่ SPR โดยน้ำมันเหล่านี้มีกำหนดส่งมอบในเดือนก.พ.2566
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยสำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NWS) รายงานว่า ภูมิภาคมิดเวสต์ และเกรทเลกส์ จะเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นจัดตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 22 ธ.ค. และอากาศที่หนาวเย็นจะเคลื่อนตัวไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสภาวะอากาศเย็นยะเยือกฉับพลัน จนเป็นเหตุให้อุณหภูมิทั่วประเทศลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า บริษัททีซี เอเนอร์จี (TC Energy) เตรียมกลับมาลำเลียงขนส่งน้ำมันผ่านท่อคีย์สโตน (Keystone) ไปยังสหรัฐอีกครั้ง หลังจากที่ปิดทำการเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์เนื่องจากพบรอยรั่ว โดยคีย์สโตนเป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังแถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 200,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว