สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่พบ อาทิ อาการปวดและบวมบริเวณจุดที่ถูกฉีดวัคซีน อาการเมื่อยล้า ปวดศีรษะ มีไข้ และหนาวสั่น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นา และของไฟเซอร์-บิออนเทค
รายงานของ CNBC ได้อ้างถึงคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ที่ระบุว่า หลังเข้ารับวัคซีน ผู้ที่เจอผลข้างเคียงดังกล่าวอาจรับประทานยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (OTC) เพื่อช่วยบรรเทาอาการ และเป็นเรื่องปกติที่ร่างกายมนุษย์จะเผชิญกับผลข้างเคียงดังกล่าว เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันถูกกำหนดให้เตรียมความพร้อมและป้องกันไวรัสผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "การอักเสบที่สามารถควบคุมได้" ซึ่งเป็นวิธีการออกฤทธิ์ของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA)
CDC อธิบายว่า เพื่อลดผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนที่อาจร้ายแรงมากในบางกรณี ผู้ฉีดวัคซีนสามารถใช้ยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ อาทิ ไอบูโพรเฟน แอสไพริน ฮีสตามีน หรืออะซิตามิโนเฟน หรือผู้ป่วยอาจจะไปพบแพทย์ก่อนรับประทานยาก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี CDC ไม่สนับสนุนให้รับประทานยาเหล่านี้ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากจะทำให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอลดลง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า แอนติบอดีที่สร้างขึ้นในผู้ที่รับประทานยาแก้ปวดก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้นจะไม่ดีตามที่คาด
นอกจากนี้ CDC ยังเปิดเผยวิธีการอื่นๆ ในการบรรเทาผลข้างเคียงของวัคซีน ซึ่งรวมถึงการวางผ้าเปียกและเย็นลงบนจุดที่ถูกฉีดวัคซีนเพื่อบรรเทาอาการปวด รับประทานอาหารเหลวหากมีไข้ และสวมเสื้อผ้าบางเบาเพื่อช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น โดยผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนมากเริ่มเผชิญกับผลข้างเคียงหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เนื่องจากวัคซีนโดสแรกออกฤทธิ์เพียงแค่กระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ขณะที่โดสที่ 2 จะเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน