
แนวโน้มในปี 2568 และอนาคต
ภูมิทัศน์ของดิจิทัลและเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นได้กำลังถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีความเชื่อมั่นเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก Artificial Intelligence (AI) มีแนวโน้มมุ่งเน้นไปที่ความเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้ความโปร่งใสและความมีจริยธรรม ด้านการใช้งาน Cloud Computing มีแนวโน้มในการปรับขยายปริมาณการใช้งานเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ในขณะที่ 5G Technology นั้นจะได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและการเชื่อมต่อ Enterprise Resource Planning (ERP) systems มีแนวโน้มจะเชื่อมโยงกันมากขึ้นจนกลายเป็นแกนหลักของการ transform ดิจิทัลในองค์กร และ Cloud-based ERP จะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องมาจากความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขยาย และความคุ้มค่า อีกทั้ง ระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities Solutions) มีแนวโน้มจะเติบโต โดยใช้ประโยชน์จาก AI, ML และ IoT เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมของเมืองให้ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ขนาดตลาดในระดับโลกของ AI คาดว่าจะเติบโตในช่วงปี 2567 ถึง 2573 ในอัตราเฉลี่ย28.46% ต่อปี ส่งผลให้มูลค่าตลาดแตะ 826.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ตามรายงานของ Statista
- การใช้จ่ายของผู้ใช้ Public Cloud Services ทั่วโลก คาดว่าจะแตะถึง 723.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ซึ่งแสดงถึงอัตราการเติบโต 21.5% ในปี 2568 ตามรายงานของ Gartner
- จำนวนการเชื่อมต่อ 5G คาดว่าจะถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2573 ตามรายงานของ GSMA Intelligence
- ภาพรวมของขนาดตลาด ERP จะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยในช่วงปี 2567 ถึง 2568 ประมาณ 11.7% โดยมีการใช้จ่ายรวมถึง 147.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 ตามรายงานของ HG Insights
- ขนาดตลาดเมืองอัจฉริยะทั่วโลกนั้นมีมูลค่า 748.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในช่วงปี 2566 ถึง 2573 ในอัตราเฉลี่ย 25.8% ตามรายงานของ GrandView Research
แนวโน้มการเติบโตข้างต้นนี้ ตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นผ่านการพัฒนานวัตกรรมภายใต้ความโปร่งใส เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีประโยชน์ต่อสังคม และเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2568 ดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางธุรกิจนั้นจะมีการผสมผสานกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมีบทบาทที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นจึงกลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยความเชื่อมั่นในบริบทนี้หมายถึงการขยายขอบเขตจากเดิมที่เน้นเพียงความสัมพันธ์กับลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ สู่การมุ่งเน้นความเชื่อมั่นที่ช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมในทั้ง 3 ด้าน ประกอบไปด้วย ความเชื่อมั่นในคนและเทคโนโลยี ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของข้อมูล และความเชื่อมั่นในพันธมิตร
"สำหรับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ความเชื่อมั่นถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด ด้วยรากฐาน 3S (SMART, SYNERGY, และ SUSTAINABILITY) ของเรานั้นจะเสริมแกร่งขึ้นด้วยTRUST ที่ครอบคลุมความเชื่อมั่นในคนและเทคโนโลยี กระบวนการ และพันธมิตร ซึ่ง TCCtech เรามุ่งมั่นในการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าของเรา โดยการมอบโซลูชั่นทางเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการเติบโต และด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเรานั้น TCCtech จะพาธุรกิจของลูกค้าให้ก้าวผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ท้าทายไปได้ด้วยความมั่นใจ" คุณธีรพันธุ์ เหลืองนฤมิตชัย Managing Director (TCC Technology) กล่าว
"เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทางธุรกิจนั้น TCCtech ได้มุ่งเน้นสร้าง Community ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิเช่น ManuTech, PropTech, EduTech โดยตั้งใจเชื่อมช่องว่างระหว่างธุรกิจ/อุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในคนรุ่นใหม่ โดยแนวทางการทำงานร่วมกันนี้จะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เสริมสร้าง TRUST และต่อยอดวัฒนธรรมการเรียนรู้ การพัฒนา โดยCommunity Centric Initiative จะช่วยยกระดับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี และสร้างผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนต่อสังคมอีกด้วย" คุณวลีพร สายะสิต Assistant Managing Director - Corporate Communications (TCC Technology) กล่าว
เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 2568 และอนาคต ความเชื่อมั่นถือเป็นสิ่งกระตุ้นที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโต การเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน