๑.๖ ส่งเสริมบทบาทขององค์กรภาคเอกชนและภาคประชาชน ควบคู่กับองค์กรภาคราชการ รัฐบาลได้สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น เพื่อก่อให้เกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง สามารถพิทักษ์สิทธิ์และผลประโยชน์ของตนและสังคมไทย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนและชุมชนด้วยกระบวนการเรียนรู้และการดำรงชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ชุมชนและสังคมมีความเข้มแข็ง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างสมานฉันท์บนพื้นฐานของคุณธรรม ความรู้ และความพอเพียง นอกจากนั้นรัฐบาลยังดำเนินโครงการที่สอดรับกับยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด คือ โครงการพัฒนา หมู่บ้าน/ชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) เพื่อมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ภายใต้กระบวนการแผนแม่บทชุมชน โดยให้หมู่บ้าน/ชุมชนสามารถบริหารจัดการและพึ่งตนเอง ไปสู่การสร้างชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC : 1111)ให้บริการทั้งทางโทรศัพท์ โทรสาร และ e-mail ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ผ่านเลขหมาย ๑๑๑๑ จำนวน ๑๕๔ จุด ทั่วประเทศ (จุดให้บริการ ๑๒๔ จุด และรับเรื่องราวร้องทุกข์๓๐ จุด) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน โดยดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลภาครัฐจาก ๒ กระทรวง ๑ ส่วนงานอิสระ ให้ทันสมัย สามารถให้บริการในด้านต่าง ๆ เช่น การหางานการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน บริการรับแจ้งเหตุเบาะแสต่าง ๆ รวมทั้งการรับข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นเป็นต้น ทั้งนี้ (ในช่วง ๖ เดือนแรกของ) ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕ (ตุลาคม ๒๕๔๙ - มีนาคม ๒๕๕) มีปริมาณการใช้กว่า ๓ ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยเท่ากับ ๕ แสนครั้งต่อเดือน ๑.๗ มุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลและการจัดองค์กรภาครัฐรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับทิศทางการนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สังคมมีความเข้มแข็ง และประชาชนมีความสุขด้วยการดำรงชีพ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้การรับราชการมีความเป็นมืออาชีพ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถดำรงชีพอย่างพอเพียง มีมโนสุจริต ตลอดจนมีสมรรถนะขีดความสามารถในการให้บริการประชาชน ตามแนวทางพระราชทาน "เข้าใจเข้าถึง พัฒนา" โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ ๑.๗.๑ การพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลในภาคราชการพลเรือน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเพิ่มสมรรถนะของข้าราชการ และการพัฒนาระบบบริหารงานให้มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อช่วยให้การให้บริการประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น สรุปได้ดังนี้ ๑.๗.๑.๑ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยกำหนดภารกิจและบทบาทหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เหมาะสมชัดเจนทั้งในเรื่องของความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การกำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตลอดจนปรับระบบตำแหน่งให้เหมาะสมกับลักษณะงานเพื่อจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม (คณะ กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม) นอกจากนี้ยังกระจายอำนาจการบริหารทรัพยากรบุคคลให้หน่วยงานต่าง ๆ มากขึ้น ๑.๗.๑.๒ กำหนดกรอบแนวทางการบริหารและพัฒนาข้าราชการให้มีความเป็นมืออาชีพ โดยมี ข้อกำหนดที่ชัดเจนในเรื่องของการ เลือกสรรบุคคลเข้ารับราชการ ซึ่งกำหนดเรื่องคุณธรรม จริยธรรม นอกเหนือจากความรู้ความสามารถในวิชาชีพ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการจูงใจในการรับราชการ โดยจัดระบบค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถ และผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบจำแนกตำแหน่งของข้าราชการเพื่อให้ข้าราชการสามารถแสดงศักยภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่ สำหรับด้านการพัฒนาองค์ความรู้ นอกจากจะส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ความสามารถในขณะรับราชการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องแล้ว รัฐบาลยังดำเนินการจัดตั้งวิทยาลัยข้าราชการพลเรือนเพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาข้าราชการก่อนเริ่ม ปฏิบัติงานด้วย ทั้งนี้ ได้กำหนดให้หน่วยราชการต่าง ๆ ประเมินผลด้วยความถูกต้องเสมอภาค เป็นธรรม โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ข้าราชการมีความมั่นใจในระบบคุณธรรม นอกจากนี้ยังนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นสูงมาใช้ในการพัฒนาบุคลากรภาครัฐด้วย ๑.๗.๑.๓ เตรียมความพร้อมให้กับส่วนราชการต่าง ๆ ในเรื่องของความรู้ความเข้าใจในระบบการพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามแนวทางพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนท่าได้ปรับปรุงใหม่ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาให้การฝึกอบรมเรื่องการบริหารงานบุคคลแบบใหม่และการจัดตั้งศูนย์สาธารณะด้านการจัดการทุนมนุษย์ เพื่อสร้างความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุนกันในลักษณะเครือข่ายให้ทุกภาคส่วนของสังคมเห็นความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ๑.๗.๑.๔ การรับเรื่องราวร้องทุกข์/ร้องเรียนจากประชาชนรัฐบาลได้เปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์/ร้องเรียน และให้บริการข้อมูลแก่ประชาชนผ่านสื่อต่าง ๆ และจากโครงการศูนย์ข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชนในรูปแบบ Contact Center จำนวน ๓ จุดบริการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการโทรศัพท์ครบวงจร สามารถให้บริการได้ทั้งทางโทรศัพท์ โทรสาร ผ่านเลขหมายโทรศัพท์ ๑๑๑๑ หรือทางจดหมายที่ตู้ ปณ. ๑๑๑๑ และทางเว็บไซต์ www.1111.go.th รวมทั้งการรับเรื่องราวร้องทุกข์ณ จุดบริการประชาชน (counter service) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้นรัฐบาลยังดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลภาครัฐให้ทันสมัย เพื่อรองรับการให้บริการ ประชาชน ๑.๗.๑.๕ พัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการ โดยเปิดโอกาสให้เข้าร่วมโครงการ สินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการ้ ซึ่งเป็นโครงการปล่อย สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ข้าราชการไปชำระหนี้เก่าที่เสียดอกเบี้ยสูง ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินการอย่างประสบความสำเร็จ โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้น ๓๓,๕๗๗ คน ๑.๗.๒ การพัฒนาระบบการตรวจราชการแนวใหม่ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการตรวจราชการแนวใหม่ตามหลักธรรมาภิบาลให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยจัดทำแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวง เพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕ ซึ่งมีการจัดทำคำรับรองการตรวจราชการแบบบูรณาการตามกรอบตัวชี้วัดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างหัวหน้าส่วนราชการแล้วโดยดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕ เป็นปีแรก รวมทั้งได้จัดทำคู่มือการตรวจราชการแบบบูรณาการ และแผนพัฒนาขีดสมรรถนะของบุคลากรในระบบการตรวจราชการ เพื่อให้การตรวจราชการตอบสนองต่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและใช้เป็นเครื่องมือของผู้บริหารในการติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไป นอกจากนี้ยังได้บูรณาการระบบสารสนเทศ (PMOC) ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของระบบงานสนับสนุนเรื่องความถูกต้อง ครบถ้วนของข้อมูล ทั้งในส่วนของข้อมูลก่อนการตรวจราชการและการรายงานผลการตรวจราชการ เพื่อสะท้อนภาพยุทธศาสตร์ระดับกระทรวง(ยังมีต่อ).../๑.๘ สนับสนุน..