แท็ก
รัฐมนตรี
1. ข้อเท็จจริง
- คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจได้มีมติเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ให้ความเห็น
ชอบกับการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2541-2544) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในส่วนของเป้าหมายเศรษฐกิจส่วนรวม
นั้น คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้รอทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความชัดเจน รวมถึงผลการประเมิน
เศรษฐกิจไทยร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
- บัดนี้รัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีได้มี
มติอนุมัติหนังสือแจ้งความจำนงขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงินฉบับที่ 3 ซึ่งได้สรุปผล
การประเมินภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคใหม่แล้ว
- สศช.จึงได้นำเสนอผลการปรับประมาณการเบื้องต้นแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะปานกลางปี
2542-2544 เพื่อขอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศ
ไทยเป็นการเบื้องต้นแล้ว
2. วัตถุประสงค์
สศช.เสนอแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลาง (2542-2544) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการประชุมวางแผนงบประมาณ และเป็นข้อมูลอ้างอิงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจระยะ
ปานกลางในการดำเนินงานของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ข้อมูลคาดการณ์ดัง
กล่าวจะได้มีการทบทวนและปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์เป็นประจำทุกไตรมาส
3. เหตุผลและความจำเป็น
3.1 การวางแผนงบประมาณปี 2542 ตามปฏิทินงบประมาณประจำปี กระทรวงการคลัง สำ
นักงบประมาณสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศ
ไทย จะประชุมร่วมกันพิจารณากำหนดประมาณการรายได้ วงเงินงบประมาณรายจ่าย วงเงินกู้ และ
แนวนโยบายในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในช่วงเดือนมกราคม 2541 ซึ่งในการประชุมดัง
กล่าวจะมีการพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2542 เพื่อวางกรอบงบประมาณให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
3.2 การวางแผนและวิเคราะห์โครงการลงทุนของหน่วยราชการ หน่วยราชการและรัฐวิ
สาหกิจต่าง ๆ มีความต้องการใช้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลาง เพื่อประกอบการวางแผน
งานหรือปรับแผนงานให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะปานกลางหลังภาวะวิกฤต รวมถึงศึกษา
ความเป็นไปได้ของโครงการลงทุน ซึ่งหากยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการรัฐ
มนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจแล้ว อาจจะมีผลต่อการจัดทำแผนงานและการศึกษาความเป็นไปได้ของ
โครงการลงทุนในอนาคตที่ไม่สอดคล้องกัน
4. สาระสำคัญ
4.1 การประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2540-2541 ตามหนังสือแสดงเจตจำนงต่อ ไอ เอ็ม
เอฟ ฉบับที่ 3 แสดงว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนตัวกว่าที่ประเมินไว้เดิม เนื่องจากอุปกรณ์และผลผลิตในประ
เทศลดลงมาก โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ดีขึ้นช้ากว่าที่คาด ดัง
นั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2541 มีแนวโน้มจะหดตัวร้อยละ 3.0-3.5
เปรียบเทียบเป้าหมายเศรษฐกิจมหภาคของหนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 1, 2 และ 3
_____________________________________________________________________________
2540 2541
___________________________________________________
LOI-1 LOI-2 LOI-3 LOI-1 LOI-2 LOI-3
_____________________________________________________________________________
อัตราการเติบโต (%) 2.5 0.6 -0.4 3.5 0-1 -3 ถึง -3.5
เงินเฟ้อ (%) 7.0 6.0 5.6 8.0 10.0 11.6
การคลังรัฐบาลกลาง (%GDP) -1.1 -0.9 -1.0 1.0 1.0 -1.6
-รายรับ 17.3 17.6 18.1 17.8 16.6 16.1
-รายจ่าย 18.4 18.5 19.1 16.8 15.6 17.7
ฐานะการคลังรวม (%GDP) -1.6 -1.5 -1.5 1.0 1.0 -2.0
อัตราเพิ่มส่งออก (%,USD) 2.8 3.2 3.5 8.6 7.9 6.2
อัตราเพิ่มนำเข้า (%,USD) -6.1 -9.3 -13.1 1.6 0.2 -7.7
ดุลบัญชีเดินสะพัด (Bil.USD) -9.0 -6.4 -3.3 -5.3 -2.5 4.4
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -5.0 -3.9 -2.2 -3.0 -1.8 3.9
ทุนสำรองฯ (Bil.USD) 23.0 23.0 26.9 24.5 24.8 23-25
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/USD) 28.8 30.9 31.4 32.5 41.0 45.0
_____________________________________________________________________________
หมายเหตุ LOI: หนังสือแสดงเจตจำนงต่อ IMF
USD: ดอลลาร์สหรัฐฯ
GDP: ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ
Bil.USD: พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4.2 แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2542 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้จากปัจจัยสนับ
สนุนที่สำคัญ คือ
(1) เศรษฐกิจที่หดตัวร้อยละ 3.0-3.5 ในปี 2541 คาดว่าจะเริ่มจากการหดตัว
อย่างรุนแรงประมาณร้อยละ 6.0-6.5 ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี ก่อนที่ภาวะการณ์จะเริ่มคลี่คลาย
เป็นปกติมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 2
(2) หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 3 มีการกำหนดการแก้ไขปัญหาด้านสถาบันการเงิน
หลายประการให้ลุล่วงในปี 2541 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ และช่วยแก้ไขปัญหา
สภาพคล่องให้ดีขึ้น รวมทั้งส่งผลถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศในปี 2542 มาตรการแก้ปัญหาสถาบัน
การเงินที่สำคัญ เช่น
- การจำหน่ายหรือโอนสินทรัพย์ทุกประเภทของบริษัทเงินทุน 56 แห่งที่ถูกปิดกิจการ
ให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม2541
- การเพิ่มทุนของสถาบันการเงินทุกแห่งในปี 2541 ให้สอดคล้องกับการจัดชั้นสิน
เชื่อและการกันสำรองที่เข้มงวดขึ้น (โดยมีกำหนดลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทย
และบริษัทเงินทุนภายใน 15 สิงหาคม 2541 และ 15 กันยายน 2541 ตามลำดับ)
- การแก้ไขกฎหมายล้มละลายและกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันให้แล้ว
เสร็จภายใน 31 มีนาคม 2541 และ 31 ตุลาคม 2541 ตามลำดับ
4.3 ประสบการณ์การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของประเทศเม็กซิโก ในกรณีประเทศที่ประสบวิ
กฤตการณ์จนเกิดการหดตัวของระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เมื่อแก้ไขปัญหาลุล่วงและภาวะแวดล้อมอำ
นวยแล้ว ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจกลับฟื้นตัวและสามารถขยายตัวได้ในอัตราสูงจากกำลังการผลิตส่วนเกินที่
มีอยู่ เช่น ประเทศเม็กซิโกซึ่งประสบวิกฤตการณ์ทางการเงิน 2 ครั้งคือ ครั้งแรกในช่วงปี 2526-2527
และครั้งที่ 2 ในช่วงปี 2538-2539 ซึ่งมีตัวเลขเปรียบเทียบดังนี้
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงวิกฤตการณ์ของประเทศเม็กซิโกและประเทศไทย
_________________________________________________________________________________________________________________________
ช่วงที่ 1 ช่วงที่ 2
__________________________________________________________________________________
2524 2525 2526 2527 2537 2538 2539* 2540* 2541*
_________________________________________________________________________________________________________________________
เม็กซิโก
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านดอลลาร์) - - - - - - - - -
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) 8.8 -0.7 -4.3 3.6 4.4 -6.2 5.1 6.7 5.4
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการบริโภค (%) 7.4 -2.5 -5.4 3.3 4.6 -9.5 2.3 5.0 4.4
อัตราเพิ่มการลงทุน (%) 16.2 -16.8 -28.3 6.4 8.4 -29 17.7 19.2 15.4
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการส่งออก (%,USD) 11.6 21.8 13.6 5.7 17.4 33 18.7 16.0 12.5
อัตราเพิ่มการนำเข้า (%,USD) 17.7 -37.9 -33.8 17.8 20.5 -12.8 27.8 23.0 16.2
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -6.1 -2.9 4.8 2.5 -7.1 -0.5 -0.6 -1.6 -2.7
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเงินเฟ้อ (%) 27.9 58.7 102.3 65.3 7.0 35.0 34.4 - -
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราแลกเปลี่ยน (เปโซ:ดอลลาร์) - 0.052 0.155 0.192 3.389 6.421 7.601 7.930 8.237
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น(%) 30.8 45.7 59.5 49.7 14.6 48.2 32.9 21.0 16.8
_________________________________________________________________________________________________________________________
ไทย
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านดอลลาร์) 34.9 36.6 40.1 41.8 144.5 168.2 181.4 150.0 112.8
อัตราการขยายตัวของ เศรษฐกิจ (%) 6.3 5.3 5.6 5.8 8.9 8.8 5.5 -0.4 -3.0 ถึง -3.5
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการบริโภค(%) 4.1 2.1 7.2 5.0 8.0 7.1 6.7 0.1 -5.0
อัตราเพิ่มการลงทุน (%) 6.5 -0.5 14.6 5.9 11.6 11.2 6.0 -16.0 -21.0
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการส่งออก (%,USD) 7.0 -0.7 -7.7 16.4 22.2 24.6 -1.3 3.5 6.2
อัตราเพิ่มการนำเข้า (%,USD 12.8 -15.1 21.2 0.7 18.4 31.6 1.8 -13.1 -7.7
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -7.4 -2.7 -7.2 -5.0 -5.6 -8.0 -7.9 -2.2 3.9
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเงินเฟ้อ (%) 12.7 5.2 3.8 0.9 5.1 5.8 5.9 5.6 11.6
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท:ดอลลาร์) 21.80 22.98 22.98 23.61 25.12 24.91 25.35 31.4 45.0
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราดอกเบี้ย ระยะสั้น (%) 17.25 14.95 12.15 13.71 7.21 10.96 9.23 15.69 NA.
_________________________________________________________________________________________________________________________
หมายเหตุ ข้อมูลของประเทศเม็กซิโกจาก OECD Economic Outlook, *ประมาณการ
4.4 ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ได้แก่
(1) ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอื่นในภูมิภาค ยังมีความผันผวนและบางประเทศอาจ
ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศเม็กซิโกที่อาศัยความแข็งแกร่งของ
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างมากเป็นกำลังผลักดันในการฟื้นตัว
(2) การส่งออก จากการประเมินความสามารถในการส่งออกตามหนังสือเจตจำนง
ฉบับที่ 1 ถึง 3 ได้มีการปรับลดอัตราการขยายตัวในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ลงโดยตลอด โดยล่าสุด
ได้กำหนดเป้าหมายไว้ร้อยละ 6.2 ในปี 2541 ในขณะที่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกยังประสบปัญหา
การขาดสภาพคล่อง และค่าเงินของประเทศคู่แข่งขัน แม้กระทั่งประเทศเวียดนามก็ลดลงเช่นกัน
(3) การว่างงาน ตามที่คณะอนุกรรมการจัดทำประมาณการกำลังแรงงาน การมีงานทำ
และการว่างงานได้ ประมาณว่าจะมีการว่างงาน 1.84 ล้านคนในปี 2541 หรือคิดเป็นอัตราการว่าง
งานร้อยละ 5.6 ของกำลังแรงงานนั้น นับเป็นตัวเลขการประเมินบนพื้นฐานของเศรษฐกิจที่ขยายตัวร้อย
ละ 0.0 ดังนั้น จึงคาดได้ว่าการว่างงานจะสูงกว่านี้มาก อีกทั้งแรงงานที่ว่างงานนี้ยังต้องใช้เวลาใน
การปรับนานกว่าที่คาดไว้เดิมในการหางานทำและสามารถเพิ่มกำลังการบริโภคขึ้นได้
4.5 เศรษฐกิจไทยในปี 2542 คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเพียงร้อยละ 1.8 โดยมีปัจจัย
สนับสนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1
และร้อยละ 6 ตามลำดับ ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะอ่อนตัวลงโดยมีอัตราเพิ่มเพียงร้อยละ 6 และการเพิ่มขึ้น
ของการนำเข้าตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเป็นร้อยละ 2.8
ของผลผลิตรวม
4.6 แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะปานกลางถึงปี 2544 คาดว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อ
เนื่องจนถึงร้อยละ 3.7 ในปี 2544 ซึ่งเป็นพื้นฐานของการขยายตัวในระยะปานกลางประมาณร้อยละ 4-
5 ต่อปี
แนวโน้มเศรษฐกิจระยะปานกลาง
_________________________________________________________________________________________
2540 2541 2542 2543 2544
_________________________________________________________________________________________
การขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) -0.4 -3 ถึง -3.5 1.8 3.4 3.7
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านบาท) 4,804 5,076 5,583 6,156 6,702
_________________________________________________________________________________________
เงินเฟ้อ (%) 5.6 11.6 6.0 5.0 4.0
_________________________________________________________________________________________
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -2.2 3.9 2.8 1.5 0.2
การขยายตัวของการส่งออก (USD,%) 3.5 6.2 5.0 5.1 5.4
_________________________________________________________________________________________
การออมภาคครัวเรือนต่อ GDP (%) 6.0 6.0 6.5 6.5 6.5
การลงทุนรวมต่อ GDP (%) 35.3 27.3 28.8 29.5 30.5
_________________________________________________________________________________________
ดุลเงินสดรัฐบาลต่อ GDP (%) -0.6 -1.0 0.3 0.2 0.2
_________________________________________________________________________________________
สมมติฐานที่สำคัญ
_________________________________________________________________________________________
2540 2541 2542 2543 2544
_________________________________________________________________________________________
การขยายตัวเศรษฐกิจโลก (%) 4.1 3.5 4.5 4.5 4.5
การขยายตัวของการค้าโลก (%) 6.8 6.2 6.3 6.3 6.3
เงินเฟ้อประเทศอุตสาหกรรม (%) 2.2 2.3 2.6 2.6 2.6
การเพิ่มราคาน้ำมันดิบตลาดโลก (%) -5.0 -1.8 -1.4 -1.4 -1.4
อัตราดอกเบี้ย LIBOR (%) 5.9 6.3 6.1 6.1 6.1
อัตราดอกเบี้ย MLR (%) 13.80 15.00 14.00 12.00 11.00
สภาพคล่อง (M2A (%) 3.10 5.10 9.00 8.00 8.00
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/ดอลลาร์) 31.4 45.0 40.0 39.4 39.5
_________________________________________________________________________________________
(รายละเอียดปรากฎตามตารางข้างท้าย)
4.7 เงื่อนไขด้านการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม เพื่อให้บรรลุแนวโน้มเศรษฐกิจระ
ยะปานกลางดังกล่าวคือ
(1) เสริมสร้างประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นของระบบการเงิน โดยการพัฒนาสถาบัน
การเงินในประเทศเข้าสู่มาตรฐานสากล ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และพัฒนาระบบการกำกับตรวจ
สอบสถาบันการเงิน รวมถึงการพัฒนาตลาดทุนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ
(2) เข้มงวดวินัยทางการคลัง เพื่อช่วยลดช่องว่างการออม-การลงทุน โดยที่ภาครัฐ
มีนโยบายงบประมาณสมดุลทั้งรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจโดยรวม
(3) เร่งรัดระดมเงินออม เร่งรัดมาตรการระดมเงินออมแบบผูกพันให้กว้างขวางจน
สามารถสนับสนุนการออมภาคครัวเรือนให้เพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 6.5 ของผลผลิตรวมในปี 2544
(4) ควบคุมเงินเฟ้อ โดยไม่ให้สูงกว่าประเทศคู่ค้าจนกระทบต่อความสามารถในการ
แข่งขันของสินค้าส่งออก และส่งผลถึงการอ่อนตัวของเงินบาทในระยะยาว
(5) เร่งรัดส่งเสริมการส่งออก ทั้งด้านการผลิตและการตลาดเพื่อให้ขยายตัวได้
เฉลี่ยร้อยละ 5-6 ต่อปีในรูปดอลลาร์ สหรัฐฯ ในระยะปานกลาง
(6) ดำเนินการตามแนวนโยบายเศรษฐกิจระยะปานกลาง ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะ
กรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 ให้เห็นผลในทางปฏิบัติ
4.8 แนวโน้มดังกล่าวเป็นการคาดการณ์กรณีฐานที่มีความระมัดระวังมิให้มองภาพในเชิง
สูงจนเกินไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อการวางแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างไรก็
ตามหากมีการดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างได้ผลทั้งด้านการปรับปรุงฝีมือแรงงาน การเพิ่ม
ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตและคุณภาพสินค้า อันจะส่งผลให้มีการส่งออกและประสิทธิภาพ
การลงทุนที่เพิ่มสูงกว่ากรณีฐานแล้ว ก็จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะปานกลางสูงกว่ากรณี
ฐานได้
_______________________________________________________________
2542 2543 2544
_______________________________________________________________
กรณีฐาน 1.8 3.4 3.7
--------------------
กรณีสูง 1.8 3.5-4.5
_______________________________________________________________
ไอ เอ็ม เอฟ (ตาม LOI-1) 4.5 5.5 6.5
_______________________________________________________________
ที ดี อาร์ ไอ (มกราคม 2541) 0.6 - -
_______________________________________________________________
* รายงานเสนอต่อคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้รับความเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2541
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3/มีนาคม 2541--
- คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจได้มีมติเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ให้ความเห็น
ชอบกับการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2541-2544) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในส่วนของเป้าหมายเศรษฐกิจส่วนรวม
นั้น คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้รอทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความชัดเจน รวมถึงผลการประเมิน
เศรษฐกิจไทยร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
- บัดนี้รัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีได้มี
มติอนุมัติหนังสือแจ้งความจำนงขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงินฉบับที่ 3 ซึ่งได้สรุปผล
การประเมินภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคใหม่แล้ว
- สศช.จึงได้นำเสนอผลการปรับประมาณการเบื้องต้นแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะปานกลางปี
2542-2544 เพื่อขอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศ
ไทยเป็นการเบื้องต้นแล้ว
2. วัตถุประสงค์
สศช.เสนอแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลาง (2542-2544) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการประชุมวางแผนงบประมาณ และเป็นข้อมูลอ้างอิงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจระยะ
ปานกลางในการดำเนินงานของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ข้อมูลคาดการณ์ดัง
กล่าวจะได้มีการทบทวนและปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์เป็นประจำทุกไตรมาส
3. เหตุผลและความจำเป็น
3.1 การวางแผนงบประมาณปี 2542 ตามปฏิทินงบประมาณประจำปี กระทรวงการคลัง สำ
นักงบประมาณสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศ
ไทย จะประชุมร่วมกันพิจารณากำหนดประมาณการรายได้ วงเงินงบประมาณรายจ่าย วงเงินกู้ และ
แนวนโยบายในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในช่วงเดือนมกราคม 2541 ซึ่งในการประชุมดัง
กล่าวจะมีการพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2542 เพื่อวางกรอบงบประมาณให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
3.2 การวางแผนและวิเคราะห์โครงการลงทุนของหน่วยราชการ หน่วยราชการและรัฐวิ
สาหกิจต่าง ๆ มีความต้องการใช้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลาง เพื่อประกอบการวางแผน
งานหรือปรับแผนงานให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจระยะปานกลางหลังภาวะวิกฤต รวมถึงศึกษา
ความเป็นไปได้ของโครงการลงทุน ซึ่งหากยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการรัฐ
มนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจแล้ว อาจจะมีผลต่อการจัดทำแผนงานและการศึกษาความเป็นไปได้ของ
โครงการลงทุนในอนาคตที่ไม่สอดคล้องกัน
4. สาระสำคัญ
4.1 การประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2540-2541 ตามหนังสือแสดงเจตจำนงต่อ ไอ เอ็ม
เอฟ ฉบับที่ 3 แสดงว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนตัวกว่าที่ประเมินไว้เดิม เนื่องจากอุปกรณ์และผลผลิตในประ
เทศลดลงมาก โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ดีขึ้นช้ากว่าที่คาด ดัง
นั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2541 มีแนวโน้มจะหดตัวร้อยละ 3.0-3.5
เปรียบเทียบเป้าหมายเศรษฐกิจมหภาคของหนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 1, 2 และ 3
_____________________________________________________________________________
2540 2541
___________________________________________________
LOI-1 LOI-2 LOI-3 LOI-1 LOI-2 LOI-3
_____________________________________________________________________________
อัตราการเติบโต (%) 2.5 0.6 -0.4 3.5 0-1 -3 ถึง -3.5
เงินเฟ้อ (%) 7.0 6.0 5.6 8.0 10.0 11.6
การคลังรัฐบาลกลาง (%GDP) -1.1 -0.9 -1.0 1.0 1.0 -1.6
-รายรับ 17.3 17.6 18.1 17.8 16.6 16.1
-รายจ่าย 18.4 18.5 19.1 16.8 15.6 17.7
ฐานะการคลังรวม (%GDP) -1.6 -1.5 -1.5 1.0 1.0 -2.0
อัตราเพิ่มส่งออก (%,USD) 2.8 3.2 3.5 8.6 7.9 6.2
อัตราเพิ่มนำเข้า (%,USD) -6.1 -9.3 -13.1 1.6 0.2 -7.7
ดุลบัญชีเดินสะพัด (Bil.USD) -9.0 -6.4 -3.3 -5.3 -2.5 4.4
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -5.0 -3.9 -2.2 -3.0 -1.8 3.9
ทุนสำรองฯ (Bil.USD) 23.0 23.0 26.9 24.5 24.8 23-25
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/USD) 28.8 30.9 31.4 32.5 41.0 45.0
_____________________________________________________________________________
หมายเหตุ LOI: หนังสือแสดงเจตจำนงต่อ IMF
USD: ดอลลาร์สหรัฐฯ
GDP: ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ
Bil.USD: พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
4.2 แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2542 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้จากปัจจัยสนับ
สนุนที่สำคัญ คือ
(1) เศรษฐกิจที่หดตัวร้อยละ 3.0-3.5 ในปี 2541 คาดว่าจะเริ่มจากการหดตัว
อย่างรุนแรงประมาณร้อยละ 6.0-6.5 ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี ก่อนที่ภาวะการณ์จะเริ่มคลี่คลาย
เป็นปกติมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 2
(2) หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 3 มีการกำหนดการแก้ไขปัญหาด้านสถาบันการเงิน
หลายประการให้ลุล่วงในปี 2541 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ และช่วยแก้ไขปัญหา
สภาพคล่องให้ดีขึ้น รวมทั้งส่งผลถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศในปี 2542 มาตรการแก้ปัญหาสถาบัน
การเงินที่สำคัญ เช่น
- การจำหน่ายหรือโอนสินทรัพย์ทุกประเภทของบริษัทเงินทุน 56 แห่งที่ถูกปิดกิจการ
ให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม2541
- การเพิ่มทุนของสถาบันการเงินทุกแห่งในปี 2541 ให้สอดคล้องกับการจัดชั้นสิน
เชื่อและการกันสำรองที่เข้มงวดขึ้น (โดยมีกำหนดลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทย
และบริษัทเงินทุนภายใน 15 สิงหาคม 2541 และ 15 กันยายน 2541 ตามลำดับ)
- การแก้ไขกฎหมายล้มละลายและกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับหลักประกันให้แล้ว
เสร็จภายใน 31 มีนาคม 2541 และ 31 ตุลาคม 2541 ตามลำดับ
4.3 ประสบการณ์การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของประเทศเม็กซิโก ในกรณีประเทศที่ประสบวิ
กฤตการณ์จนเกิดการหดตัวของระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เมื่อแก้ไขปัญหาลุล่วงและภาวะแวดล้อมอำ
นวยแล้ว ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจกลับฟื้นตัวและสามารถขยายตัวได้ในอัตราสูงจากกำลังการผลิตส่วนเกินที่
มีอยู่ เช่น ประเทศเม็กซิโกซึ่งประสบวิกฤตการณ์ทางการเงิน 2 ครั้งคือ ครั้งแรกในช่วงปี 2526-2527
และครั้งที่ 2 ในช่วงปี 2538-2539 ซึ่งมีตัวเลขเปรียบเทียบดังนี้
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงวิกฤตการณ์ของประเทศเม็กซิโกและประเทศไทย
_________________________________________________________________________________________________________________________
ช่วงที่ 1 ช่วงที่ 2
__________________________________________________________________________________
2524 2525 2526 2527 2537 2538 2539* 2540* 2541*
_________________________________________________________________________________________________________________________
เม็กซิโก
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านดอลลาร์) - - - - - - - - -
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) 8.8 -0.7 -4.3 3.6 4.4 -6.2 5.1 6.7 5.4
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการบริโภค (%) 7.4 -2.5 -5.4 3.3 4.6 -9.5 2.3 5.0 4.4
อัตราเพิ่มการลงทุน (%) 16.2 -16.8 -28.3 6.4 8.4 -29 17.7 19.2 15.4
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการส่งออก (%,USD) 11.6 21.8 13.6 5.7 17.4 33 18.7 16.0 12.5
อัตราเพิ่มการนำเข้า (%,USD) 17.7 -37.9 -33.8 17.8 20.5 -12.8 27.8 23.0 16.2
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -6.1 -2.9 4.8 2.5 -7.1 -0.5 -0.6 -1.6 -2.7
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเงินเฟ้อ (%) 27.9 58.7 102.3 65.3 7.0 35.0 34.4 - -
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราแลกเปลี่ยน (เปโซ:ดอลลาร์) - 0.052 0.155 0.192 3.389 6.421 7.601 7.930 8.237
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น(%) 30.8 45.7 59.5 49.7 14.6 48.2 32.9 21.0 16.8
_________________________________________________________________________________________________________________________
ไทย
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านดอลลาร์) 34.9 36.6 40.1 41.8 144.5 168.2 181.4 150.0 112.8
อัตราการขยายตัวของ เศรษฐกิจ (%) 6.3 5.3 5.6 5.8 8.9 8.8 5.5 -0.4 -3.0 ถึง -3.5
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการบริโภค(%) 4.1 2.1 7.2 5.0 8.0 7.1 6.7 0.1 -5.0
อัตราเพิ่มการลงทุน (%) 6.5 -0.5 14.6 5.9 11.6 11.2 6.0 -16.0 -21.0
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเพิ่มการส่งออก (%,USD) 7.0 -0.7 -7.7 16.4 22.2 24.6 -1.3 3.5 6.2
อัตราเพิ่มการนำเข้า (%,USD 12.8 -15.1 21.2 0.7 18.4 31.6 1.8 -13.1 -7.7
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -7.4 -2.7 -7.2 -5.0 -5.6 -8.0 -7.9 -2.2 3.9
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราเงินเฟ้อ (%) 12.7 5.2 3.8 0.9 5.1 5.8 5.9 5.6 11.6
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท:ดอลลาร์) 21.80 22.98 22.98 23.61 25.12 24.91 25.35 31.4 45.0
_________________________________________________________________________________________________________________________
อัตราดอกเบี้ย ระยะสั้น (%) 17.25 14.95 12.15 13.71 7.21 10.96 9.23 15.69 NA.
_________________________________________________________________________________________________________________________
หมายเหตุ ข้อมูลของประเทศเม็กซิโกจาก OECD Economic Outlook, *ประมาณการ
4.4 ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ได้แก่
(1) ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอื่นในภูมิภาค ยังมีความผันผวนและบางประเทศอาจ
ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศเม็กซิโกที่อาศัยความแข็งแกร่งของ
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างมากเป็นกำลังผลักดันในการฟื้นตัว
(2) การส่งออก จากการประเมินความสามารถในการส่งออกตามหนังสือเจตจำนง
ฉบับที่ 1 ถึง 3 ได้มีการปรับลดอัตราการขยายตัวในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ลงโดยตลอด โดยล่าสุด
ได้กำหนดเป้าหมายไว้ร้อยละ 6.2 ในปี 2541 ในขณะที่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกยังประสบปัญหา
การขาดสภาพคล่อง และค่าเงินของประเทศคู่แข่งขัน แม้กระทั่งประเทศเวียดนามก็ลดลงเช่นกัน
(3) การว่างงาน ตามที่คณะอนุกรรมการจัดทำประมาณการกำลังแรงงาน การมีงานทำ
และการว่างงานได้ ประมาณว่าจะมีการว่างงาน 1.84 ล้านคนในปี 2541 หรือคิดเป็นอัตราการว่าง
งานร้อยละ 5.6 ของกำลังแรงงานนั้น นับเป็นตัวเลขการประเมินบนพื้นฐานของเศรษฐกิจที่ขยายตัวร้อย
ละ 0.0 ดังนั้น จึงคาดได้ว่าการว่างงานจะสูงกว่านี้มาก อีกทั้งแรงงานที่ว่างงานนี้ยังต้องใช้เวลาใน
การปรับนานกว่าที่คาดไว้เดิมในการหางานทำและสามารถเพิ่มกำลังการบริโภคขึ้นได้
4.5 เศรษฐกิจไทยในปี 2542 คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเพียงร้อยละ 1.8 โดยมีปัจจัย
สนับสนุนที่สำคัญจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1
และร้อยละ 6 ตามลำดับ ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะอ่อนตัวลงโดยมีอัตราเพิ่มเพียงร้อยละ 6 และการเพิ่มขึ้น
ของการนำเข้าตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเป็นร้อยละ 2.8
ของผลผลิตรวม
4.6 แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะปานกลางถึงปี 2544 คาดว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อ
เนื่องจนถึงร้อยละ 3.7 ในปี 2544 ซึ่งเป็นพื้นฐานของการขยายตัวในระยะปานกลางประมาณร้อยละ 4-
5 ต่อปี
แนวโน้มเศรษฐกิจระยะปานกลาง
_________________________________________________________________________________________
2540 2541 2542 2543 2544
_________________________________________________________________________________________
การขยายตัวของเศรษฐกิจ (%) -0.4 -3 ถึง -3.5 1.8 3.4 3.7
ผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ (พันล้านบาท) 4,804 5,076 5,583 6,156 6,702
_________________________________________________________________________________________
เงินเฟ้อ (%) 5.6 11.6 6.0 5.0 4.0
_________________________________________________________________________________________
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) -2.2 3.9 2.8 1.5 0.2
การขยายตัวของการส่งออก (USD,%) 3.5 6.2 5.0 5.1 5.4
_________________________________________________________________________________________
การออมภาคครัวเรือนต่อ GDP (%) 6.0 6.0 6.5 6.5 6.5
การลงทุนรวมต่อ GDP (%) 35.3 27.3 28.8 29.5 30.5
_________________________________________________________________________________________
ดุลเงินสดรัฐบาลต่อ GDP (%) -0.6 -1.0 0.3 0.2 0.2
_________________________________________________________________________________________
สมมติฐานที่สำคัญ
_________________________________________________________________________________________
2540 2541 2542 2543 2544
_________________________________________________________________________________________
การขยายตัวเศรษฐกิจโลก (%) 4.1 3.5 4.5 4.5 4.5
การขยายตัวของการค้าโลก (%) 6.8 6.2 6.3 6.3 6.3
เงินเฟ้อประเทศอุตสาหกรรม (%) 2.2 2.3 2.6 2.6 2.6
การเพิ่มราคาน้ำมันดิบตลาดโลก (%) -5.0 -1.8 -1.4 -1.4 -1.4
อัตราดอกเบี้ย LIBOR (%) 5.9 6.3 6.1 6.1 6.1
อัตราดอกเบี้ย MLR (%) 13.80 15.00 14.00 12.00 11.00
สภาพคล่อง (M2A (%) 3.10 5.10 9.00 8.00 8.00
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/ดอลลาร์) 31.4 45.0 40.0 39.4 39.5
_________________________________________________________________________________________
(รายละเอียดปรากฎตามตารางข้างท้าย)
4.7 เงื่อนไขด้านการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม เพื่อให้บรรลุแนวโน้มเศรษฐกิจระ
ยะปานกลางดังกล่าวคือ
(1) เสริมสร้างประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นของระบบการเงิน โดยการพัฒนาสถาบัน
การเงินในประเทศเข้าสู่มาตรฐานสากล ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และพัฒนาระบบการกำกับตรวจ
สอบสถาบันการเงิน รวมถึงการพัฒนาตลาดทุนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ
(2) เข้มงวดวินัยทางการคลัง เพื่อช่วยลดช่องว่างการออม-การลงทุน โดยที่ภาครัฐ
มีนโยบายงบประมาณสมดุลทั้งรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจโดยรวม
(3) เร่งรัดระดมเงินออม เร่งรัดมาตรการระดมเงินออมแบบผูกพันให้กว้างขวางจน
สามารถสนับสนุนการออมภาคครัวเรือนให้เพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 6.5 ของผลผลิตรวมในปี 2544
(4) ควบคุมเงินเฟ้อ โดยไม่ให้สูงกว่าประเทศคู่ค้าจนกระทบต่อความสามารถในการ
แข่งขันของสินค้าส่งออก และส่งผลถึงการอ่อนตัวของเงินบาทในระยะยาว
(5) เร่งรัดส่งเสริมการส่งออก ทั้งด้านการผลิตและการตลาดเพื่อให้ขยายตัวได้
เฉลี่ยร้อยละ 5-6 ต่อปีในรูปดอลลาร์ สหรัฐฯ ในระยะปานกลาง
(6) ดำเนินการตามแนวนโยบายเศรษฐกิจระยะปานกลาง ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะ
กรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541 ให้เห็นผลในทางปฏิบัติ
4.8 แนวโน้มดังกล่าวเป็นการคาดการณ์กรณีฐานที่มีความระมัดระวังมิให้มองภาพในเชิง
สูงจนเกินไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อการวางแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างไรก็
ตามหากมีการดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างได้ผลทั้งด้านการปรับปรุงฝีมือแรงงาน การเพิ่ม
ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตและคุณภาพสินค้า อันจะส่งผลให้มีการส่งออกและประสิทธิภาพ
การลงทุนที่เพิ่มสูงกว่ากรณีฐานแล้ว ก็จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะปานกลางสูงกว่ากรณี
ฐานได้
_______________________________________________________________
2542 2543 2544
_______________________________________________________________
กรณีฐาน 1.8 3.4 3.7
--------------------
กรณีสูง 1.8 3.5-4.5
_______________________________________________________________
ไอ เอ็ม เอฟ (ตาม LOI-1) 4.5 5.5 6.5
_______________________________________________________________
ที ดี อาร์ ไอ (มกราคม 2541) 0.6 - -
_______________________________________________________________
* รายงานเสนอต่อคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้รับความเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2541
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3/มีนาคม 2541--