(ต่อ7)ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ปี 2549 และแนวโน้มปี 2550

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 19, 2007 16:22 —สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

         * แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจรายประเทศที่สำคัญ ประกอบด้วย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.7 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.4 ในปี 2549 เนื่องจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์  เศรษฐกิจกลุ่มยูโรขยายตัวร้อยละ 2.1 ชะลอตัวจากร้อยละ 2.8  เป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผลจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่เพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศเยอรมนีร้อยละ 0.3 ในเดือนมกราคม 2550 เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 1.9  ต่ำกว่าร้อยละ 2.2  ในปี 2549   ตามวัฏจักรการลงทุนที่เริ่มชะลอตัว การบริโภคที่ฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ และการส่งออกที่จะขยายตัวช้าลง  สำหรับเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 9.7 ชะลอตัวจากร้อยละ 10.7 ในปี 2549 ตามการชะลอตัวของการส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ค่าเงินหยวนที่แข็งขึ้น และมาตรการเรียกเก็บภาษีส่งออกในขณะที่การเก็บภาษี capital gain อาจจะส่งผลกระทบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในขณะที่การลงทุนชะลอตัว
เศรษฐกิจในกลุ่มเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีนที่ชะลอตัวและทำให้การส่งออกชะลอตัวโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการดำเนินมาตรการทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้นของสหรัฐฯ และยุโรป อย่างไรก็ตามในกลุ่มปประเทศเอเชียนั้น อุปสงค์ในประเทศจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมาก ประกอบกับฐานะการคลังและภาคการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งส่วนหนึ่งจะช่วยชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัวลง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกในปี 2550 ชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ได้แก่
* ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนได้ง่ายเนื่องจากความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการผลิตเพิ่มช้ากว่า รวมทั้งมีความเสี่ยงจากพายุเฮอร์ริเคนตามฤดูกาล และความขัดแย้งเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ
* ปัญหาการขาดดุลแฝดของสหรัฐฯ (ดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการคลัง) ในระดับสูง และเริ่มส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ และชะลอการถือครองตราสารสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งกดดันค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ให้อ่อนลงในช่วงครึ่งหลังของปี2549 และต่อเนื่องถึงต้นปี 2550 ซึ่งเป็นความเสี่ยงว่าประเทศที่ถือครองตราสาร หุ้นและเงินฝากสกุลเงินดอลลาร์ในสัดส่วนสูง ซึ่งประกอบด้วย ประเทศจีน ญี่ปุ่น และประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (รวมทั้งรัสเซียและนอร์เวย์) จะขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้เงินทุนไหลออกจากสหรัฐฯ หรือมีการขายตราสารทางการเงินที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สรอ.(5) เพื่อไปถือครองตราสารสกุลเงินอื่นแทน และกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนลงอีก ในขณะเดียวกันราคาสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ที่ลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของประเทศเหล่านี้ได้มาก6 และจะส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดเงินของโลกและค่าเงินของประเทศเหล่านี้ผันผวน และเป็นที่คาดกันว่าในปี 2550 เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน (จาก 117แต่อาจจะแข็งค่าขึ้นจาก 1.32 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโรเป็น1.28 ดอลลาร์ในปี 2550
* ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวมากจากการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจ ตลาดรถยนต์ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยชะลอตัวและลดลงในช่วงต้นปี 2550 ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง และทำให้ยอดการสร้างบ้านใหม่ (housing starts) ลดลงรวมทั้งราคาที่อยู่ อาศัยลดลง ซึ่งทำให้มูลค่าทรัพย์สินและความมั่งคั่งของครัวเรือนลดลงและส่งผลต่อเนื่องต่อการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคและบริโภค และคุณภาพสินเชื่อของสถาบันการเงินลดลงจากการที่ราคาสินทรัพย์ค้ำประกันลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านที่ปรับลดลงอย่างช้า ๆ ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าการปรับตัวชะลอลงของภาคอสังหาริมทรัพย์จะค่อยเป็นค่อยไป
* สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐฯ กับอิหร่านอาจจะซ้ำเติมให้ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาก
*******************************************************************************************************
หมายเหตุ : (5) ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางรัสเซีย ยูไนเต็ดอาหรับอะมิเรท และสวิสเซอร์แลนด์ เริ่มปรับเปลี่ยนมาถือครองสินทรัพย์สกุลเงินเยนมากขึ้น และ ECB ได้ขายดอลลาร์ สรอ. และซื้อเงินเยนทดแทน 6 Francis E. Warnock ประมาณการว่าค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงร้อยละ 10 ราคาหุ้นและราคาตราสารหนี้ที่ลดลงร้อยละ 10 จะทำให้ความมั่งคั่งของประเทศผู้ถือสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงประมาณร้อยละ 4 ของ GDP ศึกษารายละเอียดได้จาก "How Might a Disorderly Resolution of Global Imbalances Affect Global Wealth?", IMF Working Paper No. 06/170
*******************************************************************************************************
(ยังมีต่อ).../2.2.2 ประเด็นภาย..

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ